เด็กหันมาใช้งานซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ด้วยพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ที่เปลี่ยนไป - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เด็กหันมาใช้งานซื้อของออนไลน์เพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ด้วยพฤติกรรมการใช้งานออนไลน์ที่เปลี่ยนไป

         หากเปรียบเทียบกับช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว เด็กในปัจจุบันหันมาเป็นผู้บริโภคในการการซื้อของออนไลน์มากขึ้น พวกเขาสนใจในการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้นจากปีที่แล้วมากกว่า 3 เท่า นั่นคือ จาก 2% เพิ่มเป็น 9% ที่มาจากข้อมูลจากรายงานประจำปีเกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็กของ Kaspersky Lab ซึ่งเป็นข้อมูลทางสถิติที่รวบรวมจากผลิตภัณฑ์ของ Kaspersky Lab รวมกับฟังก์ชั่นการควบคุมของผู้ปกครอง

          จากรายงานแสดงให้เห็นว่า เด็ก ๆ ก็เหมือนผู้ใหญ่ที่ชอบและสนุกกับการค้นหาของที่อยากได้หรือหรือของผ่านทางออนไลน์ ซึ่งต่อไปอาจจะกลายเป็นทางเดียวที่ใช้ในการซื้อของในอนาคต ดังนั้น ผู้ปกครองจำเป็นต้องแนะนำและสนับสนุนเด็ก ๆ ให้ได้ใช้การช้อปปิ้งออนไลน์อย่างถูกวิธีและเป็นประโยชน์ โดยปราศจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นหากมีการแชร์ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลการชำระเงินให้กับพวกหลอกลวงออนไลน์ หรือเข้าไปในกับดักของพวกต้มตุ๋นหรือทำให้โดนหลอกเอาเงินไปอีกด้วย ซึ่งผู้ปกครองและผู้ใหญ่ทุกคนควรจะต้องคอยสอดส่องและติดตามอยู่ตลอดเวลาเมื่อมีอะไรผิดปกติจากการเล่นออนไลน์ของเด็ก ๆ
จากสถิติ ความสนใจของเด็กและเยาวชนมีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในการเข้าเว็บไซต์การซื้อของออนไลน์ทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับที่ตั้งด้วย โดยข้อมูลรายงานด้านล่างนี้ แสดงให้เห็นถึงการเติบโตในการใช้งานซื้อของออนไลน์ในแถบรัสเซียและประเทศในโซน CIS คิดเป็น 23% ตามมาด้วยโซนอเมริกาเหนือ 15% ยุโรปและตะวันออกกลางคิดเป็น 11% ส่วนเอเชียและละตินอเมริกาคิดเป็น 9% ในประเทศไทยเด็กและเยาวชนให้ความสนใจกับการซื้อของออนไลน์เติบโตขึ้น 5 เท่า จาก 1.02% เป็น 5.64% ซึ่งนับเป็นความสนใจอันดับที่ 4 รองมาจาก การเล่นโซเชียลมีเดีย ดูหนัง ฟังเพลง และการเล่นเกมส์
แผนภูมิที่ 1 แสดงความสนใจของเด็กในการซื้อของออนไลน์แบ่งตามพื้นที่
          จากสถิติที่เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละพื้นที่ เว็บไซต์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดทั่วโลก ได้แก่ AliExpress Amazon และ Ebay ในส่วนของเว็บไซต์ในประเทศจีน เด็ก ๆ จะให้ความสนใจมากขึ้นอย่ารวดเร็วต่อเนื่องทุกปี หากแบ่งตามประเภทสินค้า ด้านสปอร์ตจะเป็น Nike กับ Adidas อิเล็กทรอนิกส์จะเป็น Apple กับ Samsung และสินค้าแฟชั่นต่าง ๆ จะเป็น Gucci Vans Supreme Zara และ Bershka เหล่านี้เป็นเว็บไซต์ที่ผู้บริโภควัยเด็ก ให้ความสนใจในการค้นหาและซื้อของออนไลน์มากที่สุด
          มีการตั้งขอสังเกตว่า การค้นหาสินค้าออนไลน์หรือแม้แต่การเข้าไปยังเว็บไซต์ต่าง ๆ ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าจะต้องจบด้วยการซื้อของ พวกเด็ก ๆ อาจเพียงแค่เข้าไปดูในรายการของที่อยากได้ และนำมาบอกเพื่อน ๆ และครอบครัวนั่นเอง เพราะฉะนั้นการที่เด็ก ๆ ให้ความสนใจในการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้นก็ไม่ควรจะเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมและให้คำแนะนำกับเด็ก ๆ ในความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นและสิ่งที่ควรระวังพื้นฐานทั่วไป
          "เมื่ออินเทอร์เน็ตมีอิทธิพลและให้โอกาสต่าง ๆ มากมายกับเยาวชน และเราก็ได้เห็นเด็ก ๆ กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายของร้านค้าออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้จ่ายหรือไม่ก็ตาม พวกเขาจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้ใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การสูญเสียเงินจากการโดนหลอก หรือการให้ข้อมูลส่วนตัวไปกับพวกหลอกลวง ในขณะที่ซอฟแวร์ที่ควบคุมโดยผู้ปกครองสามารถทำได้ในบางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่ต้องตระหนักและให้ความสำคัญ เพื่อให้แน่ใจว่าบุตรหลานของพวกเขามีอาวุธป้องกัน และใช้งานออนไลน์อย่างปลอดภัย และนี่ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่ผู้ปกครองและเด็กจะได้ใช้เวลาร่วมกัน เด็ก ๆ ได้บอกสิ่งที่อยากได้ และผู้ใหญ่ก็ได้สอนในการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างถูกต้องอีกด้วย" แอนนา ลาร์กินา ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เนื้อหาออนไลน์ Kaspersky Lab
          "ประเทศไทยเป็นประเทศที่เติบโตทางเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือได้ว่าประชากรมีส่วนร่วมในการใช้งานออนไลน์มากที่สุด โดยตลาดอีคอมเมิร์ซตั้งเป้าการซื้อของออนไลน์ในส่วนของค้าปลีกเพิ่มขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2566 ซึ่งเด็กในปัจจุบันจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนหรือหยุดชะงักได้ เพราะพวกเขาเริ่มการซื้อของออนไลน์ด้วยตัวเองเร็วเกินไป ดังนั้นควรจะต้องให้คำแนะนำและใช้เครื่องมือที่จะช่วยปกป้องการเงินออนไลน์ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ และต้องเริ่มตั้งแต่เนิ่น ๆ อีกด้วย" มร. เยียว เซียง เทียง ผู้จัดการทั่วไป Kaspersky Lab ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
          คำแนะนำต่อไปนี้ จะทำให้มั่นใจได้ว่าเด็ก ๆ จะปลอดภัยจากการใช้งานในการท่องเว็บไซต์ซื้อของออนไลน์ ต่าง ๆ
          - เตือนพวกเขาว่า หากมีการใช้งานไวไฟสาธารณะและทำการชำระเงินออนไลน์ จะทำให้ถูกการขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ง่าย ดังนั้นไม่ควรใช้ไวไฟสาธารณะในการซื้อของออนไลน์
          - ควรตกลงกับเด็ก ๆ ว่าก่อนที่จะทำการซื้อของออนไลน์จะต้องแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ หรือผู้ปกครองช่วยเด็กในการทำการชำระเงิน จนกว่ามั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถทำการชำระเงินได้ด้วยตนเองอย่างปลอดภัย ไม่ควรให้ข้อมูลบัตรเครดิตกับเว็บไซต์ที่น่าสงสัยหรือไม่คุ้นเคย เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงจากอาชญากรทางไซเบอร์
          - ให้คำแนะนำพวกเขาให้หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวแก่บุคคลใด ๆ จากร้านค้าไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือผ่านทางออนไลน์ และต้องให้เด็กกล้าที่จะถามเมื่อเกิดปัญหาหรือมีข้อสงสัย
          - ไม่ควรให้ข้อมูลบัตรเครดิต กับบุคคลอื่นนอกจากคนในครอบครัวอย่างเด็ดขาด แม้กระทั่งเพื่อนหรือผู้ปกครองคนอื่น ๆ ต้องให้เด็กจำไว้ว่าไม่มีใครมีสิทธิมาขอข้อมูลเหล่านี้เด็ดขาด
          - ต้องจำไว้เสมอว่าหากมีการบันทึกข้อมูลส่วนตัวและบัตรเครดิตไว้ในมือถือ หากมีการสูญหายหรือโดนขโมยอาจตกไปอยู่มือคนไม่หวังดีได้
          - ดาวน์โหลดและใช้งานซอฟแวร์ที่ควบคุมโดยผู้ปกครอง ใน Kaspersky Security Cloud, Kaspersky Total Security หรือซอฟแวร์พิเศษอย่าง Kaspersky Safe Kids ที่ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถติดตามการใช้งานออนไลน์ของเด็ก ๆ ในทุกอุปกรณ์ รวมไปถึงอุปกรณ์มือถือ ซึ่งซอฟต์แวร์จะแนะนำให้เด็กใช้งานออนไลน์อย่างถูกวิธีอีกด้วย ผู้ปกครองต้องอธิบายประโยชน์ของซอฟต์แวร์ให้เด็กเข้าใจและรู้สึกสบายใจในการใช้ซอฟต์แวร์ที่ควบคุมโดยผู้ปกครอง
          ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานซอฟต์แวร์ที่ควบคุมโดยผู้ปกครองปี 2561-2562 ได้ที่ here.

เกี่ยวกับ Kaspersky Lab
          Kaspersky Lab เป็นบริษัทด้านความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตระดับโลก ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 21 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันเปลี่ยนเป็นโซลูชั่นความปลอดภัยยุคใหม่ ที่ให้บริการในการป้องกันสำหรับธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐาน รัฐบาลและลูกค้าทั่วโลก การให้บริการของบริษัทประกอบด้วย การป้องกันปลายทาง โซลูชั่นการป้องกันความปลอดภัยแบบพิเศษจำนวนมาก และบริการเพื่อป้องกันภัยคุกคามดิจิทัล ซึ่ง Kaspersky Lab ได้ป้องกันความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้กว่า 400 ล้านคน และอีกกว่า 270,000 องค์กร ที่ป้องกันความปลอดภัยให้กับทุกส่วนที่สำคัญสำหรับลูกค้า ศึกษาข้อมูลเพี่มเติมได้ที่ www.kaspersky.co
m

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad