บจ. mai รายงานผลการดำเนินงานในครึ่งแรกปี 2562 มียอดขายรวม 92,117 ลบ. เพิ่มขึ้น 3.1% กำไรสุทธิรวม 3,865 ลบ. เพิ่มขึ้น 14.0% โดยมี 2 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มียอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มธุรกิจบริการและกลุ่มเทคโนโลยี
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 155 บริษัท คิดเป็น 95% จากทั้งหมด 163 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC บริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวดและบริษัทที่นำส่งงบไม่ทันตามกำหนด) นำส่งผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรก ของปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 พบ บจ. ที่รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 108 บริษัท คิดเป็น 70% ของบริษัทที่นำส่งผลการดำเนินงานทั้งหมด
ผลประกอบการ บจ. mai ครึ่งปีแรก มียอดขายรวม 92,117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ต้นทุนรวม 73,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.64% มาอยู่ที่ 20.59% กำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) อยู่ที่ 3,203 ล้านบาท ลดลง 12.7% อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงจาก 4.10% มาที่ 3.48% และกำไรสุทธิรวม 3,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 3.66% เป็น 4.05%
"ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก บจ. mai มียอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น แต่การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา ทำให้ บจ. ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2562 เริ่มเห็นการชะลอตัวลงของผลการดำเนินงาน โดย บจ. mai มียอดขายรวมในไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 45,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ต้นทุนขาย 36,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.86% มาอยู่ที่ 20.53% ซึ่ง บจ. หลายรายมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่ ทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลงมาที่ 1,126 ล้านบาท หรือลดลง 44.3% ขณะเดียวกัน บจ. ในหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์มีการบันทึกกำไรจากการคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ทำให้กำไรสุทธิรวม บจ. ใน mai ไตรมาสสองอยู่ที่ 2,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4%
ด้านฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 263,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากสิ้นปี 2561 ขณะที่โครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.05 เท่า เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้วเล็กน้อย" นายประพันธ์กล่าว
ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 163 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2562) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 350.84 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 233,411 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 776 ล้านบาทต่อวัน
"SET…Make it Work for Everyone"
ผลประกอบการ บจ. mai ครึ่งปีแรก มียอดขายรวม 92,117 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ต้นทุนรวม 73,151 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.64% มาอยู่ที่ 20.59% กำไรจากการดำเนินงาน (operating profit) อยู่ที่ 3,203 ล้านบาท ลดลง 12.7% อัตรากำไรจากการดำเนินงานลดลงจาก 4.10% มาที่ 3.48% และกำไรสุทธิรวม 3,865 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.0% ทำให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 3.66% เป็น 4.05%
"ภาพรวมผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก บจ. mai มียอดขายและกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น แต่การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐอเมริกา ทำให้ บจ. ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไร นอกจากนี้ในไตรมาส 2/2562 เริ่มเห็นการชะลอตัวลงของผลการดำเนินงาน โดย บจ. mai มียอดขายรวมในไตรมาส 2/2562 อยู่ที่ 45,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ต้นทุนขาย 36,222 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.4% ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 21.86% มาอยู่ที่ 20.53% ซึ่ง บจ. หลายรายมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานตามกฎหมายแรงงานใหม่ ทำให้กำไรจากการดำเนินงานลดลงมาที่ 1,126 ล้านบาท หรือลดลง 44.3% ขณะเดียวกัน บจ. ในหมวดธุรกิจสื่อและสิ่งพิมพ์มีการบันทึกกำไรจากการคืนใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ทำให้กำไรสุทธิรวม บจ. ใน mai ไตรมาสสองอยู่ที่ 2,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4%
ด้านฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 263,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.8% จากสิ้นปี 2561 ขณะที่โครงสร้างเงินทุนรวมยังอยู่ในเกณฑ์ที่แข็งแรง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.05 เท่า เพิ่มขึ้นจากสิ้นปีที่แล้วเล็กน้อย" นายประพันธ์กล่าว
ปัจจุบันมี บจ.ใน mai 163 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2562) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 350.84 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 233,411 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 776 ล้านบาทต่อวัน
"SET…Make it Work for Everyone"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น