นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์คเซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพรายใหญ่ของประเทศ เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 ว่า ผลประกอบการของบริษัทจะเติบโตกว่าในช่วงครึ่งปีแรก 2562 จากแผนการตัดต้นทุนของกองหนี้ด้อยคุณภาพก้อนใหญ่ครบทั้งจำนวน ซึ่งจะสนับสนุนผลประกอบการในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2562 ให้โดดเด่น ในขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/2562 บริษทจะเดินหน้าซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง เพื่อซื้อกองหนี้มูลค่าประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้ผลสรุปในเร็วๆ นี้ และบริษัทยังมีกองหนี้ที่อยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาเพิ่มเติมอีก
ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 แนวโน้มภาพรวมสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระบบยังคงมีอยู่จำนวนมาก (Non-Performing Loan : NPL) โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 4/2562 สถาบันการเงินต่างๆ มีแผนขายหนี้ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นโอกาสของบริษัทที่จะได้รับอานิสงส์ในการซื้อหนี้เข้ามาเติมพอร์ต สำหรับเงินลงทุนในปี 2562 นี้ที่บริษัทวางไว้ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาทคาดว่าจะใช้หมดตามเป้าหมาย โดยในงวดครึ่งปีแรก 2562 นี้ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 1,200 ล้านบาท มีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ 148,000 ล้านบาท ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพในประเทศไทยแบบที่ไม่มีหลักประกัน
“ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 บริษัทรับปัจจัยบวกจากแผนการตัดต้นทุนในกองหนี้ก้อนใหญ่หมดในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งสะท้อนความสามารถในการบริหารงาน และการจัดเก็บหนี้ในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่ม ทั้งหนี้แบบไม่มีหลักประกัน และการรุกหนี้แบบมีหลักประกัน โดยบริษัทได้ให้ความสำคัญในเรื่องคุณภาพของหนี้มากกว่าจำนวน เพื่อการเติบโตของกำไรเป็นสำคัญ และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนได้ตามแผนวานที่วางไว้ สนับสนุนภาพรวมรายได้และกำไรทั้งปี 2562 ที่คาดว่าจะเติบโต 50% จากปี 2561 โดยรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,886 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 506 ล้านบาท ซึ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทั้งรายได้และกำไร”นายสุทธิรักษ์ กล่าว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น