ค้าภายในส่งสัญญาณข้าวแพง ภัยแล้ง-เขื่อนน้ำน้อยกระทบข้าวเปลือกหาย 5-6 ล้านตัน - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ค้าภายในส่งสัญญาณข้าวแพง ภัยแล้ง-เขื่อนน้ำน้อยกระทบข้าวเปลือกหาย 5-6 ล้านตัน

ค้าภายในส่งสัญญาณข้าวแพง ภัยแล้ง-เขื่อนน้ำน้อยกระทบข้าวเปลือกหาย 5-6 ล้านตัน


นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิง โครงการประกันรายได้เกษษตรผู้ปลูกข้าว ครั้งที่ 5/2562 ร่วมกับสมาคมโรงสี สมาคมชาวนา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ว่า ขณะนี้ผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิ ข้าวเปลือกเหนียว และข้าวเปลือกเจ้าในฤดูการผลิตนาปี2562/63 ได้มีการเก็บเกี่ยวแล้วส่วนใหญ่เกือบ 90% ที่เหลือคาดว่าจะเก็บเกี่ยวหมดภายใน 7-10 วันจากนี้ เนื่องจากปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมที่ผ่านมากระทบผลผลิตลดลงและคาดว่าผลผลิตรวมข้าวเปลือกจะไม่เกิน 24 ล้านตันจากปกติ 27-28 ล้านตัน จึงส่งผลต่อราคาข้าวเปลือกขยับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวราคาสูงราคาประกันรายได้ (คิดตามหลักเกณฑ์ราคาย้อนหลัง15วัน ช่วงวันที่ 6-26 พฤศจิกายน 2562) โดยราคาเกณฑ์กลางข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 15,286.95 บาทต่อตัน สูงราคาประกันรายได้ที่ 15,000 บาทต่อตัน ขณะที่ข้าวเปลือกเหนียว ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง 16,186.25 บาทต่อตัน สูงกว่าราคาประกันรายได้ที่ 12,000 บาท/ตันทำให้ไม่ต้องจ่ายชดเชย ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้า ราคาเกณฑ์กลางอยู่ที่ 7,446.61 บาทต่อตัน ต่ำกว่าราคาประกันรายได้กำหนดที่ 10,000 บาทต่อตัน จึงจ่ายชดเชย 2,553.39 บาทต่อตัน ส่วนข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ราคาเกณฑ์กลางอยู่ที่ 9,404.32 บาทต่อตัน ต่ำกว่าราคาประกันกำหนดไว้ 11,000 บาทต่อตัน จึงจ่ายชดเชยที่ 1,595.68 บาทต่อตัน
“ ที่น่าเป็นห่วงคือภัยแล้งและน้ำในเขื่อนน้อย อาจกระทบต่อผลผลิตข้าวเปลือกเจ้านาปรังปี 2563 ที่ปกติมีผลผลิต 8 ล้านตัน อาจเหลือ 3.5 ล้านตัน หรือหายไป 50% ซึ่งจะทำให้ข้าวเปลือกทั้งปี 2563 มีข้าวเปลือกออกสู่ตลาดเหลือ27-28 ล้านตัน จากปกติ 32-34 ล้านตัน ก็จะมีผลต่อราคาข้าวเปลือกและข้าวสารจากนี้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งแปลงเป็นข้าวสารเหลือประมาณ 16-17 ล้านตัน หากส่งออกได้แค่ 8 ล้านตัน บริโภคในประเทศที่ปกติอยู่ที่9-10 ล้านตัน อาจมีผลต่อราคาข้าวในประเทศจากนี้ขยับสูงต่อเนื่อง เชื่อว่าราคาข้าวจากนี้ไม่น่าจะต่ำลงแล้ว ส่วนคนในประเทศจะกินข้าวแพงขึ้นไหม ไม่อยากให้วิตก เพราะรัฐบาลดูแลให้เพียงพออยู่แล้ว และเป็นน่ายินดีต่อการเพิ่มรายได้ให้ชาวนา “ นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวว่า เหตุที่มี 3 มาตรการขนานกับการประกันรายได้ เพราะเป็นการชะลอข้าวออกสู่ตลาดในเวลาที่พร้อมกัน จนกระทบต่อราคาข้าวในช่วงสั้นและการชะลอราคาข้าวในมือชาวนาหรือสหกรณ์จะช่วยพยุงราคาข้าวในระยะยาว ซึ่งขณะนี้ทั้ง 3 มาตรการที่ช่วยค่าใช้จ่ายเก็ยยุ้งฉาง และชดเชยดอกเบี้ยให้สหกรณ์และโรงสีได้เริ่มดำเนินการแล้ว แต่คาดว่าจำนวนเงินที่ใช้จะน้อยกว่าที่ได้เตรียมไว้ เพราะปริมาณข้าวลดลง ส่วนยอดจ่ายเงินส่วนต่างประกันรายได้ชาวนานั้นใน 3 งวดจ่ายแล้ว 1.35 หมื่นล้านบาท รอบที่4 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการอีก 1.6 พันล้านบาท เท่ากับใช้เงินแล้ว 1.5 หมื่นล้านบาท จากที่ได้เตรียมงบประมาณไว้ 2 หมื่นล้านบาท
นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายบริหารข้าว(นบข.)ในวันที่ 6 ธันวาคมนี้ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นการพิจารณาวงเงินชดเชยกรณีเกิดภาวะขาดทุนจากโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกให้กับธ.ก.ส.ประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาไม่เคยมีการใช้วงเงินเพราะไม่เคยมีการขายข้าวขาดทุน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมนบข.ยังต้องติดตามว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ผ่านโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่เกษตรกร โดยการลดภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บเกี่ยวข้าวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ให้กับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2562 กับกรมส่งเสริมการเกษตรจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวเฉพาะเกษตรกรรายย่อยอัตราไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 10,000 บาท วงเงินรวม 26,793 ล้านบาท หรือไม่ เพราะที่ประชุมครม.ครั้งที่ผ่านมา ให้เข้าการพิจารณาของนบข. ก่อน

ที่มา: www.matichon.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad