“จุรินทร์”คิกออฟจ่ายส่วนต่างข้าวโพด เกษตรกรแสนราย รับเงินงวดแรกรวม 326 ล้าน
“จุรินทร์”คิกออฟจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพด ถือเป็นตัวสุดท้ายในโครงการประกันรายได้ เผยมีเกษตรกรเกือบ 1 แสนราย ได้ร้บส่วนต่าง วงเงินรวมกว่า 326 ล้านบาท เป็นการปิดจ๊อบโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรได้ครบทั้ง 5 ตัวภายในปีนี้ ทำให้ภาพรวมล่าสุด มีเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม ข้าว ยาง มัน และข้าวโพด ได้รับประโยชน์แล้วรวม 2.05 ล้านราย จ่ายเงินส่วนต่างแล้ว 2.4 หมื่นล้านบาท
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน Kick Off จ่ายเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ว่า วันนี้เป็นการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดงวดแรก ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรตัวสุดท้ายในโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรกรของรัฐบาล 5 ชนิด คือ ปาล์ม ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดยได้จ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรครั้งนี้รวม 96,740 ราย จากเกษตรกรที่มีสิทธิทั้งหมด 450,000 ราย จำนวนเงิน 326.42 ล้านบาท คิดเป็น 24.5% ของงบประมาณทั้งหมด 923 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาส่วนต่างที่เกษตรกรได้รับ คิดจากราคาตลาดหักด้วยราคาประกันรายได้ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 8.50 บาท โดยราคาตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 8.21 บาทต่อกก. มีส่วนต่างอยู่ที่ 0.29 บาทต่อกก. ส่วนงวดต่อไป ก็จะจ่ายทุกวันที่ 20 ของเดือน จนสิ้นสุดโครงการ โดยเกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 6,298.8 บาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรได้ภายในบ่ายวันที่ 20 ธ.ค.2562
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรตัวอื่นๆ ขณะนี้ได้มีการจ่ายส่วนต่างไปครบหมดทุกตัวแล้ว และจะทยอยโอนส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ได้สิทธิทั้งหมดตามระยะเวลาของโครงการต่อไป ส่วนที่บางคนยังไม่ได้ ก็มีเงื่อนไขของระยะเวลาเก็บเกี่ยวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ได้ทุกคน โดยผลการดำเนินการล่าสุด ณ วันที่ 19 ธ.ค.2562 มีเกษตรกรที่ได้ประโยชน์จากโครงการประกันรายได้แล้วรวม 2,050,605 ราย มีการจ่ายเงินส่วนต่างแล้วรวม 24,045.39 ล้านบาท คิดเป็น 35.48% ของงบประมาณรวมของโครงการประกันรายได้ที่มี 67,778.53 ล้านบาท
โดยมีรายละเอียด ได้แก่ ข้าว มีเกษตรกรที่มีสิทธิทั้งหมด 4.31 ล้านราย ได้โอนเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรแล้ว 758,408 ราย จำนวนเงิน 16,023.06 ล้านบาท คิดเป็น 76.52% ของงบประมาณ 20,940.84 ล้านบาท , ปาล์มน้ำมัน ได้โอนเงินส่วนต่างแล้ว 324,286 ราย จำนวนเงิน 2,627.56 ล้านบาท คิดเป็น 20.21% ของงบประมาณ 13,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่างวดต่อไปจะไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง หลังมาตรการเสริม ทั้งการใช้ บี 10 และการติดมิเตอร์ที่แท้งก์น้ำมันปาล์มที่จะเสร็จในอีกไม่ช้านี้ ได้ช่วยดันราคาสูงขึ้นเป็น 5.90 บาทต่อกก.แล้ว , ยางพารา มีเกษตรกรที่มีสิทธิ 1.71 ล้านราย โอนเงินแล้ว 841,390 ราย จำนวนเงิน 5,004.39 ล้านบาท คิดเป็น 21.32% ของงบประมาณ 23,472.02 ล้านบาท โดยรายที่ยังไม่ได้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสวน และชนิดยาง ซึ่งได้เร่งรัดให้เร็วขึ้นแล้ว , มันสำปะหลัง มีเกษตรกรที่มีสิทธิ 520,000 ราย โอนเงินแล้ว 2,781 ราย จำนวนเงิน 63.96 ล้านบาท คิดเป็น 0.68% ของงบประมาณ 9,442.34 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเกษตรกรที่ใช้สิทธิยังน้อย เพราะยังไม่ขุด
นายจุรินทร์กล่าวว่า นอกเหนือจากโครงการประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวยังได้รับการช่วยเหลือต้นทุนการผลิต มีเกษตรกร 4.57 ล้านราย วงเงิน 27,414.05 ล้านบาท ให้การสนับสนุนแล้ว 4.15 ล้านราย จำนวนเงิน 24,681.71 ล้านบาท คิดเป็น 90.03% ของวงเงินรวม และยังได้รับการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว วงเงิน 25,793.02 ล้านบาท ให้การสนับสนุนแล้ว 285,887 ราย จำนวนเงิน 1,537.24 ล้านบาท คิดเป็น 5.96% ของวงเงินรวม
สำหรับพืชเกษตรชนิดอื่นๆ นอกเหนือจาก 5 ชนิดที่อยู่ในโครงการประกันรายได้ รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือและผลักดันราคาทุกตัว แต่ใช้ยาคนละขนาน โดย 5 ชนิด ใช้ยาประกันรายได้ แต่ชนิดอื่นๆ ใช้ยาขนานอื่น แต่ยืนยันว่ารัฐบาลดูแลสินค้าเกษตรทุกตัว
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน Kick Off จ่ายเงินส่วนต่างโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ว่า วันนี้เป็นการจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดงวดแรก ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรตัวสุดท้ายในโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรกรของรัฐบาล 5 ชนิด คือ ปาล์ม ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดยได้จ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรครั้งนี้รวม 96,740 ราย จากเกษตรกรที่มีสิทธิทั้งหมด 450,000 ราย จำนวนเงิน 326.42 ล้านบาท คิดเป็น 24.5% ของงบประมาณทั้งหมด 923 ล้านบาท
ทั้งนี้ ราคาส่วนต่างที่เกษตรกรได้รับ คิดจากราคาตลาดหักด้วยราคาประกันรายได้ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 8.50 บาท โดยราคาตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 8.21 บาทต่อกก. มีส่วนต่างอยู่ที่ 0.29 บาทต่อกก. ส่วนงวดต่อไป ก็จะจ่ายทุกวันที่ 20 ของเดือน จนสิ้นสุดโครงการ โดยเกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างสูงสุด 6,298.8 บาท และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะจ่ายเงินเข้าบัญชีเกษตรกรได้ภายในบ่ายวันที่ 20 ธ.ค.2562
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรตัวอื่นๆ ขณะนี้ได้มีการจ่ายส่วนต่างไปครบหมดทุกตัวแล้ว และจะทยอยโอนส่วนต่างให้กับเกษตรกรที่ได้สิทธิทั้งหมดตามระยะเวลาของโครงการต่อไป ส่วนที่บางคนยังไม่ได้ ก็มีเงื่อนไขของระยะเวลาเก็บเกี่ยวเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ได้ทุกคน โดยผลการดำเนินการล่าสุด ณ วันที่ 19 ธ.ค.2562 มีเกษตรกรที่ได้ประโยชน์จากโครงการประกันรายได้แล้วรวม 2,050,605 ราย มีการจ่ายเงินส่วนต่างแล้วรวม 24,045.39 ล้านบาท คิดเป็น 35.48% ของงบประมาณรวมของโครงการประกันรายได้ที่มี 67,778.53 ล้านบาท
โดยมีรายละเอียด ได้แก่ ข้าว มีเกษตรกรที่มีสิทธิทั้งหมด 4.31 ล้านราย ได้โอนเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรแล้ว 758,408 ราย จำนวนเงิน 16,023.06 ล้านบาท คิดเป็น 76.52% ของงบประมาณ 20,940.84 ล้านบาท , ปาล์มน้ำมัน ได้โอนเงินส่วนต่างแล้ว 324,286 ราย จำนวนเงิน 2,627.56 ล้านบาท คิดเป็น 20.21% ของงบประมาณ 13,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มว่างวดต่อไปจะไม่ต้องจ่ายส่วนต่าง หลังมาตรการเสริม ทั้งการใช้ บี 10 และการติดมิเตอร์ที่แท้งก์น้ำมันปาล์มที่จะเสร็จในอีกไม่ช้านี้ ได้ช่วยดันราคาสูงขึ้นเป็น 5.90 บาทต่อกก.แล้ว , ยางพารา มีเกษตรกรที่มีสิทธิ 1.71 ล้านราย โอนเงินแล้ว 841,390 ราย จำนวนเงิน 5,004.39 ล้านบาท คิดเป็น 21.32% ของงบประมาณ 23,472.02 ล้านบาท โดยรายที่ยังไม่ได้ ยังอยู่ระหว่างการตรวจสวน และชนิดยาง ซึ่งได้เร่งรัดให้เร็วขึ้นแล้ว , มันสำปะหลัง มีเกษตรกรที่มีสิทธิ 520,000 ราย โอนเงินแล้ว 2,781 ราย จำนวนเงิน 63.96 ล้านบาท คิดเป็น 0.68% ของงบประมาณ 9,442.34 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเกษตรกรที่ใช้สิทธิยังน้อย เพราะยังไม่ขุด
นายจุรินทร์กล่าวว่า นอกเหนือจากโครงการประกันรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวยังได้รับการช่วยเหลือต้นทุนการผลิต มีเกษตรกร 4.57 ล้านราย วงเงิน 27,414.05 ล้านบาท ให้การสนับสนุนแล้ว 4.15 ล้านราย จำนวนเงิน 24,681.71 ล้านบาท คิดเป็น 90.03% ของวงเงินรวม และยังได้รับการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว วงเงิน 25,793.02 ล้านบาท ให้การสนับสนุนแล้ว 285,887 ราย จำนวนเงิน 1,537.24 ล้านบาท คิดเป็น 5.96% ของวงเงินรวม
สำหรับพืชเกษตรชนิดอื่นๆ นอกเหนือจาก 5 ชนิดที่อยู่ในโครงการประกันรายได้ รัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือและผลักดันราคาทุกตัว แต่ใช้ยาคนละขนาน โดย 5 ชนิด ใช้ยาประกันรายได้ แต่ชนิดอื่นๆ ใช้ยาขนานอื่น แต่ยืนยันว่ารัฐบาลดูแลสินค้าเกษตรทุกตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น