“พาณิชย์”นัดถก 9 ม.ค. แก้เศษกระดาษราคาตก หลัง“ซาเล้ง-ร้านซื้อของเก่า-แยกขยะ”บุกร้อง - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2562

“พาณิชย์”นัดถก 9 ม.ค. แก้เศษกระดาษราคาตก หลัง“ซาเล้ง-ร้านซื้อของเก่า-แยกขยะ”บุกร้อง

“พาณิชย์”นัดถก 9 ม.ค. แก้เศษกระดาษราคาตก หลัง“ซาเล้ง-ร้านซื้อของเก่า-แยกขยะ”บุกร้อง

img
“พาณิชย์”นัดถกด่วน 9 ม.ค.63 แก้ปัญหาราคาเศษกระดาษตกต่ำ หลัง “ซาเล้ง-ร้านรับซื้อของเก่า-คัดแยกขยะ”บุกร้องให้ช่วย เตรียมเชิญผู้นำเข้ามาร่วมให้ข้อมูล หลังพบยอดนำเข้าพุ่ง พร้อมหารือมาตรการช่วยเหลือ ส่วนการห้ามนำเข้า 2 หน่วยงานรัฐ “ทส.-อุตสาหกรรม” ต้องไปคุยกันให้จบก่อนเสนอ “พาณิชย์” ออกประกาศคุม ชี้เป็นทางออกที่เร็วสุด หากใช้เซฟการ์ด อาจใช้เวลาเป็นปี
        
นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้นัดผู้ที่เกี่ยวข้องกับเศษกระดาษ ทั้งซาเล้ง ร้านรับซื้อของเก่า ร้านคัดแยกขยะ ผู้ประกอบการคัดแยกขยะ และผู้นำเข้าเศษกระดาษ มาหารือถึงแนวทางและมาตรการช่วยเหลือ หลังจากที่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเศษกระดาษ ได้เดินทางมาหารือกับกรมฯ และขอให้กรมฯ ให้ความช่วยเหลือ เพราะปัจจุบันราคาเศษกระดาษตกต่ำ จากปกติเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาท ลดลงมาเหลือแค่เฉลี่ย กก.ละ 1.50-2.00 บาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อน
        
ทั้งนี้ ทางกลุ่มผู้ประกอบการแจ้งว่า ปัจจุบันมีการนำเข้าเศษกระดาษเข้ามาเป็นจำนวนมาก และไม่มีการกำกับดูแล ทำให้มีผลกระทบต่อราคาภายในประเทศ และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงขอให้กรมฯ ช่วย ซึ่งกรมฯ ได้แจ้งไปเบื้องต้นว่า ปัจจุบันเศษกระดาษ สามารถนำเข้าได้ เพราะเป็นขยะรีไซเคิล แต่หากต้องการให้ห้ามนำเข้า เป็นหน้าที่ของ 2 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กับกระทรวงอุตสาหกรรม ที่จะไปพิจารณา และเสนอความเห็นมายังกรมฯ จากนั้นกรมฯ ถึงจะออกประกาศห้ามนำเข้า โดยใช้อำนาจตามพ.ร.บ.การส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 ได้
        
ส่วนอำนาจหน้าที่ของกรมฯ สามารถดูแลในเรื่องราคาตกต่ำ โดยหากเห็นว่ามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นผิดปกติ จนทำให้อุตสาหกรรมภายในประเทศได้รับผลกระทบ ก็สามารถใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) ได้ แต่การใช้มาตรการ จะต้องมีการพิสูจน์ และใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี ถึงจะมีมาตรการออกมาได้ ซึ่งกว่าจะรู้ผล อาจจะไม่ทันการณ์แล้วก็ได้
        
“เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์และสถานการณ์ของปัญหา กรมฯ จึงได้นัดทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มาหารือในวันที่ 9 ม.ค.2563 เพื่อให้มาคุยกันว่าจะมีทางออกในเรื่องนี้ร่วมกันอย่างไร เพราะหากรอมาตรการอาจจะไม่ทันการณ์ อย่างการห้ามนำเข้า ก็ต้องรอ 2 หน่วยงานคุยกันก่อน คุยเสร็จก็ต้องประชาพิจารณ์ จากนั้นถึงจะเสนอมาให้กรมฯ ออกประกาศห้ามนำเข้า เร็วสุดอาจมี 3 เดือน หรือถ้าจะใช้เซฟการ์ด ก็ต้อง 1 ปีเป็นอย่างน้อย จึงอาจต้องใช้มาตรการทางบริหารเข้าไปจัดการแทน ส่วนจะเป็นอะไร ต้องคุยกันก่อน โดยระหว่างนี้ กรมฯ ก็จะหาข้อมูลจากทุกภาคส่วนมาเตรียมไว้ก่อน”นายกีรติกล่าว
        
สำหรับการนำเข้าเศษกระดาษในช่วง 10 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-ต.ค.) มีปริมาณ 1.5 ล้านตัน มูลค่า 6,631 ล้านบาท ขณะที่ปี 2561 นำเข้า 1.4 ล้านตัน มูลค่า 7,790 ล้านบาท ส่วนใหญ่นำเข้าจากสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 24% อิตาลี 11% ญี่ปุ่น 7% เนเธอร์แลนด์ 6% และออสเตรเลีย 5.8%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad