DITP ทำแผนดันส่งออกปี 63 “จุรินทร์”นำทัพเจาะ 18 ประเทศ รุกใช้ออนไลน์เพิ่มยอด - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2562

DITP ทำแผนดันส่งออกปี 63 “จุรินทร์”นำทัพเจาะ 18 ประเทศ รุกใช้ออนไลน์เพิ่มยอด

DITP ทำแผนดันส่งออกปี 63 “จุรินทร์”นำทัพเจาะ 18 ประเทศ รุกใช้ออนไลน์เพิ่มยอด

img
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทำแผนเชิงรุกดันส่งออกปี 63 เตรียมจัดทริปลุยเจาะ 18 ประเทศ นำทีมโดย “จุรินทร์” หัวหน้าเซลส์แมน พร้อมใช้ช่องทางออนไลน์เพิ่มโอกาสส่งออก เล็งปั้นผู้ส่งออกเลือดใหม่ เจาะเป็นรายกลุ่มลงลึกถึงระดับนักศึกษา เร่งสร้างภาพลักษณ์สินค้าไทย ผลักดันธุรกิจบริการ และนำระบบ AI พัฒนาข้อมูลการค้าให้ปัง ใช้งานได้จริง มั่นใจปี 63 ส่งออกขยายตัวเป็นบวกได้แน่   
        
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยถึงแผนผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการไทยในปี 2563 ว่า กรมฯ ได้เตรียมแผนเจาะตลาดเชิงลึกตามนโยบายที่ได้รับจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยมีกำหนดจัดคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางไปขยายตลาดนำทีมโดยนายจุรินทร์ ซึ่งเป็นหัวหน้าเซลส์แมนของประเทศ มีเป้าหมาย 16 ทริป 18 ประเทศ ได้แก่ ตลาดเดิม เช่น จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ สหภาพยุโรป ตลาดใหม่ เช่น อินเดีย ตุรกี ศรีลังกา บังคลาเทศ แอฟริกาใต้ ตลาดฟื้นฟู เช่น ตะวันออกกลาง และตลาด CLMV เช่น กัมพูชา ซึ่งประเทศใหญ่อย่างจีนและอินเดีย จะเจาะลึกเป็นรายมณฑลและรายรัฐมากขึ้น
        
ทั้งนี้ กรมฯ ยังจะเพิ่มกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ทั้งการร่วมมือกับผู้นำเข้ากิจกรรมกระตุ้นความต้องการสินค้าและบริการที่มีศักยภาพของไทย ซึ่งได้เน้นให้ทูตพาณิชย์ทำเยอะขึ้นแล้ว และจะเพิ่มและขยายช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างโอกาสส่งออกให้กับสินค้าไทย โดยจะขยายร้าน TOPTHAI Flagship Store ในเว็บไซต์ Tmall Global นำสินค้าไทยเจาะตลาดจีน และจะขยายความร่วมมือไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ เช่น Bigbasket (อินเดีย) Amazon.com (สหรัฐฯ) Amazon.jp (ญี่ปุ่น) และ Presto Mall (มาเลเซีย) เป็นต้น รวมทั้งจะยกระดับการจัดงานแสดงสินค้า เช่น งาน STYLE งานบางกอกเจมส์ และงาน THAIFEX เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ ผู้นำเข้า ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มยอดส่งออกได้เพิ่มขึ้น
        
ส่วนการพัฒนาผู้ประกอบการ จะสร้างผู้ส่งออกรายใหม่ๆ โดยพัฒนากลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม Start up กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่ม Niche ให้เป็นผู้ส่งออก และยังได้ร่วมกับสถาบันการศึกษา พัฒนาและเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาให้ก้าวมาเป็นผู้ส่งออกรุ่นใหม่ รวมทั้งร่วมมือกับสถาบันปัญญาภิวัฒน์ พัฒนานักค้าออนไลน์ เพื่อให้คนเหล่านี้ออกไปทำงานช่วยผู้ประกอบการไทยค้าขายออนไลน์
        
สำหรับการพัฒนาคุณภาพสินค้า จะเร่งสร้างแบรนด์ประเทศไทยด้วยการมอบตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพให้กับผู้ส่งออก ได้แก่ เครื่องหมาย TMark , DEMark , PM-Award , Thai Select และรางวัลด้านโลจิสติกส์ ELMA และจะนำแบรนด์ไทยเจาะตลาดเป้าหมาย เช่น จีน อินเดีย และอาเซียน ส่วนธุรกิจบริการ จะเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลคอนเทนต์ , ธุรกิจบริการสุขภาพ เช่น ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ , ธุรกิจ Start up และธุรกิจโลจิสติกส์ เป็นต้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไทยมีศักยภาพและสามารถออกสู่ตลาดต่างประเทศได้
        
นอกจากนี้ ยังจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบให้บริการฐานข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อยอด DITP Business AI ให้มีประสิทธิภาพ เน้นให้สามารถใช้งานง่าย ขยายขอบเขตและความหลากหลายของฐานข้อมูล ทันต่อสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันมากขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจของผู้ส่งออกมีความแม่นยำและชัดเจนยิ่งขึ้น จากข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย
        
นายสมเด็จกล่าวว่า การกำหนดเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2563 กรมฯ จะจัดประชุมทูตพาณิชย์ เพื่อรับนโยบายการปฏิบัติงาน ในช่วงงานบางกอก เจมส์ เดือนก.พ.2563 และจะมีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนในสาขาต่างๆ เพื่อประเมินการส่งออกร่วมกัน รวมทั้งประเมินทิศทางการส่งออกในแต่ละตลาด ก่อนที่จะนำผลสรุปมาจัดทำเป้าหมายการส่งออกของประเทศต่อไป แต่เบื้องต้น ประเมินว่า การส่งออกในปี 2563 จะขยายตัวเป็นบวกได้ เพราะปีหน้า ปัจจัยที่เป็นผลกระทบ เช่น สงครามการค้าคลี่คลายลง การออกจากสหภาพยุโรป (อียู) ของอังกฤษ (เบร็กซิต) ก็มีความชัดเจนขึ้น ประกอบกับกรมฯ มีมาตรการผลักดันการส่งออกอย่างเข้มข้น ซึ่งจะช่วยให้การส่งออกขยายตัวได้ดีขึ้น
        
อย่างไรก็ตาม สำหรับผลงานในรอบปี 2562 ที่ผ่านมา กรมฯ ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมและผลักดันการส่งออกกว่า 300 กิจกรรม มีผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมและพัฒนากว่า 110,000 ราย สร้างมูลค่าให้กับประเทศประมาณ 140,000 ล้านบาท

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad