“SKY” จัดทัพใหม่ เดินหน้า SKY GROUP พร้อมบุกตลาดต่างประเทศกลางปีนี้ จับมือคิงเพาเวอร์ และเมืองไทยประกันภัย รุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและประกันฯ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

“SKY” จัดทัพใหม่ เดินหน้า SKY GROUP พร้อมบุกตลาดต่างประเทศกลางปีนี้ จับมือคิงเพาเวอร์ และเมืองไทยประกันภัย รุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและประกันฯ


“SKY” จัดทัพใหม่ เดินหน้า SKY GROUP พร้อมบุกตลาดต่างประเทศกลางปีนี้ จับมือคิงเพาเวอร์ และเมืองไทยประกันภัย รุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและประกันฯ
บมจ.สกาย ไอซีที (SKY) จัดทัพใหม่ เดินหน้า SKY GROUP บุกตลาดต่างประเทศกลางปีนี้ ประเมินสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด มองธุรกิจท่องเที่ยวและประกันฯ ยังน่าสนใจ มีโอกาสขยายตัวอย่างมาก พร้อมจับมือกลุ่มคิงเพาเวอร์ และเมืองไทยประกันภัย จัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 20 ล้านหุ้น เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น SKY ในสัดส่วน 3.59%เสริมแกร่ง พร้อมเพิ่มศักยภาพรุกอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและประกันฯ ครบวงจร มั่นใจปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 50%
นายสิทธิเดช มัยลาภ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) หรือ SKY ผู้นำการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานความมั่นคงปลอดภัย ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารระดับประเทศ กล่าวว่า  ภายใต้วิสัยทัศน์ใหม่ “The Leader in Digitizing Imagination to Reality” ในปี 2563 นี้ SKY GROUP จะเดินหน้าสร้างการเติบโตด้วยความสามารถที่หลากหลายจากธุรกิจในเครือ ซึ่งประกอบไปด้วย 1. บริษัท จีฟินน์ (ไทยแลนด์) จำกัด ดำเนินธุรกิจSmart Security Connecting Platform 2. บริษัท เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด ดำเนินธุรกิจ The Leading IndependentEngineering Services Provider 3บริษัท เรย์ เทล จำกัด ดำเนินธุรกิจ Fast, Accurate, Efficient, and Comprehensive Serviceและ 4. บริษัท แอสโตร โซลูชั่นส์ จำกัด ดำเนินธุรกิจ Sales & Marketing Arms of Digital Platform
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้ นายสิทธิเดช กล่าวว่า เป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งโลก ซึ่งในส่วนของบริษัทฯ เองมีมาตรการรับมือ และติดตามประเมินความเสี่ยงในทุกๆ ด้านอย่างใกล้ชิด โดยในส่วนงานภาครัฐยังมีการขยายตัวและมีการส่งมอบงานตามแผนต่อเนื่อง ส่วนโครงการใหม่ๆ ของภาครัฐที่บริษัทฯ มีความสนใจก็ได้เตรียมความพร้อมหากมีการประกาศให้เข้าร่วมประมูลงาน
ส่วนงานภาคเอกชนบริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตลาด Smart Security Platform และ Facility Management ในกลุ่มอาคารที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน โรงแรม และโรงพยาบาล อย่างเต็มรูปแบบในช่วงไตรมาส 3/2563 นี้ รวมไปถึงการขยาย Smart Securityไปในต่างประเทศ อาทิ ประเทศมาเลเซีย ไต้หวัน สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพและมีความต้องการด้าน Smart Security อย่างมาก                            
นอกจากนี้บริษัทฯ จะต่อยอดในธุรกิจ Digital Platform ของAOT Airports Application เพื่อให้เป็น Platform One Stop Service สำหรับคนไทยทุกคนและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยนอกเหนือจากการให้บริการในสนามบินแล้วจะขยายการให้บริการไปในส่วนการท่องเที่ยวและประกันการท่องเที่ยว ซึ่งมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสการขยายตัวอย่างมาก ถึงแม้ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวจะน้อยลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วเมื่อสถานการณ์ดีขึ้น ภาคเอกชนจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ภาคการท่องเที่ยวจะกลับมาเติบโตมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน โดยยังมั่นใจว่าผลการดำนเนินงานปีนี้จะเติบโตในระดับ 50% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า จากธุรกิจท่องเที่ยวและประกันฯ   ที่ยังมองว่าเป็นธุรกิจที่มีโอกาสการเติบโตสูงในอนาคต และจะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้กับบริษัทฯ นั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 จึงมีมติอนุมัติให้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทจำนวนไม่เกิน 20,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ให้แก่   (1) นางสาวอรุณรุ่ง ศรีวัฒนประภา (2) นางสาวบุศรา อุไรกุล และ (3) บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) โดยจะเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาในวันที่ 28 เมษายน 2563 ซึ่งภายหลังการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่นักลงทุนดังกล่าวแล้ว นักลงทุนจะเข้าเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 3.59 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
“นักลงทุนทั้ง 3 รายถือเป็นผู้ที่มีความรู้และความชำนาญในธุรกิจการให้บริการท่องเที่ยวและประกันฯรวมทั้งเข้าใจถึงความต้องการด้านเทคโนโลยีและด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว การเข้ามาร่วมทุนในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยในการให้คำแนะนำที่มีประโยชน์และส่งผลให้การทำงานและการขยายธุรกิจของบริษัทฯมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นการเสริมความแข็งแกร่งผ่านการเป็นพันธมิตร ซึ่งมองว่าธุรกิจท่องเที่ยวและประกันจะเป็นธุรกิจที่มีโอกาสขยายตัวอย่างมากในอนาคต” นายสิทธิเดช กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad