บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ 'SHR’ ในเครือของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยรายได้จากการขายและการให้บริการในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ที่ 1,145 ล้านบาท หรือเติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 235 ล้านบาท
นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ถึงแม้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติหลายด้านในขณะนี้ ในไตรมาส 1 ของปีนี้ บริษัทฯ ยังมีรายได้และกำไรเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยการเติบโตของรายได้มีสาเหตุหลักมาจากการรับรู้รายได้ของโรงแรมใหม่ 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS มัลดีฟส์ คือ SAii Lagoon Maldives และ Hard Rock Hotel Maldives และศูนย์นันทนาการและความบันเทิงครบวงจรภายใต้ชื่อ “The Marina @ CROSSROADS” บริษัทฯ ยังมีกำไรสุทธิในไตรมาสแรก 235 ล้านบาท โดยได้อานิสงส์มาจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้น 50% ในบริษัท Prime Locations Management 3 Ltd ให้กับบริษัท Wai Eco World Developer Pte (WEWD) ซึ่งเป็นนักลงทุนจากประเทศเมียนมาร์ เพื่อพัฒนาโรงแรมระดับไฮเอนด์บนเกาะ 3 ในโครงการ CROSSROADS มัลดีฟส์ ซึ่งสอดคล้องกับแผนขยายธุรกิจในปี 2563 นี้ โดยบริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทแห่งใหม่นี้ในปีนี้และเปิดดำเนินการในปี 2565”
“เราเห็นถึงผลประกอบการที่ดีในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่โรงแรมใหม่ 2 แห่งในมัลดีฟส์ ที่มีลูกค้าเข้าพักเป็นจำนวนมาก แต่เริ่มชะลอตัวลงในเดือน กุมภาพันธ์ - มีนาคม เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ซึ่งส่งผลกระทบถึงกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีกำไรสุทธิในไตรมาสแรกถึง 235 ล้านบาท โดยได้อานิสงส์มาจากการรับรู้กำไรจากการขายหุ้น 50% ให้แก่บริษัท WEWD” นายชัยรัตน์กล่าวเสริม
เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้หยุดทำการโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งชั่วคราวตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐในหลายประเทศที่บริษัทฯ ประกอบกิจการอยู่ ยกเว้นโรงแรม บางแห่งในสหราชอาณาจักร ที่เปิดทำการเพื่อช่วยเหลือและเป็นที่พักสำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานที่มีความจำเป็นในสถานการณ์นี้.
นายเดิร์ก อังเดร ลีน่า คุยเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไตรมาส 2 ของปีคงเป็นไตรมาสที่ท้าทายที่สุดของบริษัทฯ หลังโรงแรมและรีสอร์ทส่วนมากของบริษัทฯ ต้องหยุดทำการชั่วคราว แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังมองเห็นถึงความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้นและรัฐบาลบางประเทศเริ่มดำเนินการผ่อนปรนมาตรการแล้วเช่นกัน
“เราคาดว่าตลาดนักท่องเที่ยวภายในประเทศจะเริ่มกลับมาเป็นอันดับแรก ตามด้วยนักท่องเที่ยวในประเทศใกล้เคียง ซึ่งโรงแรมและรีสอร์ทของเรา ได้เตรียมความพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาเป็นอย่างดี พร้อมทั้งเพิ่มมาตรการเกี่ยวกับสุขอนามัยและความปลอดภัย และนโยบายการจองห้องพักที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวในการจองและเข้าพักกับเรา” นายเดิร์กกล่าว
สำหรับการเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการอีกครั้ง บริษัทฯ ได้มีปรับแผนและมาตรการต่างๆ ได้แก่ การบริหารจัดการต้นทุนและเงินสดของบริษัทฯ และในระดับโรงแรมและรีสอร์ท การใช้มาตรการใหม่ในด้านสุขอนามัยในโรงแรมและรีสอร์ท การฝึกอบรมพนักงาน และการปรับปรุงซ่อมแซมโรงแรมและรีสอร์ทให้ดูสวยงามยิ่งขึ้น บริษัทฯ ยังได้มีการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทางด้านการสื่อสารการตลาด ที่สอดคล้องกับกระแสและสถานการณ์ในปัจจุบันให้แก่กลุ่มลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ
“ทั้งนี้เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าลูกค้าของเรา คู่ค้าทางธุรกิจ สถาบันการเงิน และเพื่อนพนักงานของเราทั้งหมดจะสามารถฝ่าฟันผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าด้วยความร่วมมือที่ดีเสมอมาของพันธมิตรและพนักงานของเรา และการวางแผนทางธุรกิจที่ดี จะทำให้บริษัทฯ กลับมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งขึ้นอย่างแน่นอน” นายเดิร์กกล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน)
บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) บริษัทในเครือของ สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจโรงแรมและมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว มีพอร์ตโฟลิโอของโรงแรมและรีสอร์ทที่มีมาตรฐานระดับโลกทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ด้วยความเชี่ยวชาญในการบริหารและลงทุนในโรงแรมและรีสอร์ทคุณภาพสูง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมทั่วโลก ทำให้ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท พัฒนาแบรนด์ไลฟ์สไตล์โฮเทลของตนเองขึ้นมาหลายแบรนด์ ทั้งยังได้ร่วมมือกับ - แบรนด์ชั้นนำในธุรกิจโรงแรมอีกด้วย บริษัทฯ มีเป้าหมายที่สร้างมาตรฐานของการพักผ่อนและไลฟ์สไตล์ด้วยแพลตฟอร์มธุรกิจที่หลากหลายและเพิ่มมูลค่าให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายใต้ปรัชญาการทำธุรกิจแบบยั่งยืนและการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชนท้องถิ่น รายละเอียดเพิ่มเติม ดูได้จาก www.shotelsresorts.com หรือติดตามได้ที่ Facebook, Instagram หรือ LinkedIn.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น