ก.ล.ต. แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ก.ล.ต. แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้


ก.ล.ต. แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ เพื่อกำหนดนโยบาย และทิศทางของตลาด ตราสารหนี้ พร้อมยกระดับ ecosystem มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2563

นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า จากการที่ ก.ล.ต. ได้มีการติดตามตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งพบว่าตลาดตราสารหนี้มีประเด็นเชิงนโยบายหลายประการ เช่น สภาพคล่องของตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องของผู้ลงทุนในตราสารหนี้ การทำหน้าที่ของตัวกลาง และผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องในตลาดตราสารหนี้ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกลางและฐานข้อมูลในตลาด รวมถึงประเด็นตราสารหนี้กลุ่มเสี่ยง โดยที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ดำเนินมาตรการเพื่อยกระดับ ecosystem ให้รัดกุมยิ่งขึ้นไปแล้วในบางส่วน
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การกำหนดนโยบาย ทิศทาง เป้าหมาย และแนวทางการดำเนินการที่สำคัญในตลาดตราสารหนี้ มีประสิทธิผลและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ เพื่อให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย และประสานงานระหว่างผู้ร่วมตลาดทุนได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งติดตามและประเมินสถานการณ์ตลาดตราสารหนี้โดยเฉพาะกลุ่มตราสารหนี้ที่มีความเปราะบาง ตลอดจนเสนอแนะการแก้ปัญหาของผู้ระดมทุนทั้งในระยะสั้นและระยะยาวเป็นรายกรณีหากจำเป็น รวมทั้งแนวทางการส่งเสริมและผลักดันให้มี การจัดตั้งกองทุน High Yield Bond เป็นต้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับและพัฒนาตลาดตราสารหนี้ ประกอบด้วยที่ปรึกษาและกรรมการรวม 17 ท่าน โดย ที่ปรึกษาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในตลาดตราสารหนี้ ได้แก่ (1) เลขาธิการ ก.ล.ต. (2) นางพรอนงค์ บุษราตระกูล (3) นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ (4) นายอาสา อินทรวิชัย (5) นายสอาด ธีรโรจนวงศ์ และกรรมการซึ่งเป็นผู้แทนองค์กรต่าง ๆ ได้แก่ กรมบังคับคดี สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ชมรมวาณิชธนกิจ และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ที่มีสัดส่วนการให้บริการสูงในตลาดซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์และบริษัทหลักทรัพย์ ประเภทธุรกิจละ 1 รายคือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รวมทั้งคณะผู้บริหาร ก.ล.ต.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad