“พาณิชย์”หนุนเอสเอมอีที่จำหน่ายสินค้าทางเฟซบุ๊ก ไอจี เว็บไซต์ และมาร์เก็ตเพลส เข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายการทำธุรกิจกับสตาร์ทอัพที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ เพื่อปิดจุดอ่อนด้านการบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง รองรับการขยายตัวของการค้าออนไลน์ที่กำลังเติบโตแบบก้าวกระโดด เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ถึง 31 พ.ค.นี้
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งปิดจุดอ่อนการบริหารจัดการสินค้าและระบบโลจิสติกส์ แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) โดยการช่วยเหลือให้มีการนำระบบเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการธุรกิจและขยายฐานพันธมิตรทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดให้แก่ธุรกิจในระยะยาว โดยได้เตรียมเปิดเวทีเชื่อมเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ต่อยอดธุรกิจร่วมกัน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เน้นใช้นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี ปิดจุดอ่อน-เพิ่มจุดแข็งให้เอสเอ็มอีของไทย ภายใต้กิจกรรม “เชื่อมโยงเครือข่ายสตาร์ทอัพกับเอสเอ็มอี ด้วยนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์” หรือ DBD Service X Logistics Startup”
“ปัจจุบัน หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ยอดขายทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้บริโภคนิยมสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คือ ขาดการวางแผนบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง (โลจิสติกส์) ที่ดี เช่น สินค้าขาดสต็อก สินค้าชำรุดระหว่างขนส่ง ลูกค้าได้รับสินค้าล่าช้า และยิ่งคำสั่งซื้อมีมากขึ้นเท่าไร การสะสมของปัญหาที่เกิดขึ้นก็มากขึ้นตามไปด้วย จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจทำให้สูญเสียโอกาสทางการขาย และสูญเสียลูกค้าในอนาคต จึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน”
นายวีรศักดิ์กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพได้ทำความรู้จัก เชื่อมต่อ และสร้างเครือข่ายระหว่างกัน โดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน เช่น การนำนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ที่กลุ่มสตาร์ทอัพได้คิดค้นขึ้นมาช่วยปิดจุดอ่อน เพิ่มจุดแข็งให้แก่เอสเอ็มอี เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโต โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ ด้านบริหารคลังสินค้าและขนส่ง ซึ่งเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมจะได้รับประโยชน์ในการปิดจุดอ่อนเกี่ยวกับระบบการบริหารคลังสินค้าและการขนส่งด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผ่านการคิดค้นมาแล้ว
สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถเข้าร่วมได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ขายสินค้าบนออนไลน์ เช่น Facebook , Instagram , Website หรือผ่านระบบอี-มาร์เก็ตเพลสต่างๆ โดยสินค้าที่ขายต้องไม่เป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำซ้ำ หรือเป็นของลอกเลียนแบบ และกำลังประสบปัญหาด้านการวางแผนบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง (โลจิสติกส์) โดยสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายสตาร์ทอัพกับเอสเอ็มอีด้วยนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ได้ที่ https://www.dbdservicexstartup.comโดยสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค.2563 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 5962
ปัจจุบันกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร 6 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ (TTSA) สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (TVCA) และเทคซอส มีเดีย ร่วมคัดเลือกสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์ที่ผ่านเกณฑ์เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโต 6 บริษัท ได้แก่ 1.มายคราวด์ ฟูลฟิลล์เมนท์ 2.ชิปสเปซ 3.ชิปยัวส์ 4.เอ็นซี กรุ๊ป (เหมียวโลจิสต์) 5.อคิตะ ฟูลฟิลเมนท์ และ 6.สยาม เอาท์เลต ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมกิจกรรม
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งปิดจุดอ่อนการบริหารจัดการสินค้าและระบบโลจิสติกส์ แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) โดยการช่วยเหลือให้มีการนำระบบเทคโนโลยีมาช่วยบริหารจัดการธุรกิจและขยายฐานพันธมิตรทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ ซึ่งจะเป็นการขยายโอกาสทางการตลาดให้แก่ธุรกิจในระยะยาว โดยได้เตรียมเปิดเวทีเชื่อมเอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ ต่อยอดธุรกิจร่วมกัน สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เน้นใช้นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยี ปิดจุดอ่อน-เพิ่มจุดแข็งให้เอสเอ็มอีของไทย ภายใต้กิจกรรม “เชื่อมโยงเครือข่ายสตาร์ทอัพกับเอสเอ็มอี ด้วยนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์” หรือ DBD Service X Logistics Startup”
“ปัจจุบัน หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ยอดขายทางออนไลน์ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเติบโตแบบก้าวกระโดด ผู้บริโภคนิยมสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้น แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คือ ขาดการวางแผนบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง (โลจิสติกส์) ที่ดี เช่น สินค้าขาดสต็อก สินค้าชำรุดระหว่างขนส่ง ลูกค้าได้รับสินค้าล่าช้า และยิ่งคำสั่งซื้อมีมากขึ้นเท่าไร การสะสมของปัญหาที่เกิดขึ้นก็มากขึ้นตามไปด้วย จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจทำให้สูญเสียโอกาสทางการขาย และสูญเสียลูกค้าในอนาคต จึงต้องเร่งแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน”
นายวีรศักดิ์กล่าวว่า การจัดกิจกรรมดังกล่าว จะเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพได้ทำความรู้จัก เชื่อมต่อ และสร้างเครือข่ายระหว่างกัน โดยใช้จุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาเติมเต็มซึ่งกันและกัน เช่น การนำนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ที่กลุ่มสตาร์ทอัพได้คิดค้นขึ้นมาช่วยปิดจุดอ่อน เพิ่มจุดแข็งให้แก่เอสเอ็มอี เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโต โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ ด้านบริหารคลังสินค้าและขนส่ง ซึ่งเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมจะได้รับประโยชน์ในการปิดจุดอ่อนเกี่ยวกับระบบการบริหารคลังสินค้าและการขนส่งด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผ่านการคิดค้นมาแล้ว
สำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สามารถเข้าร่วมได้ทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลที่ขายสินค้าบนออนไลน์ เช่น Facebook , Instagram , Website หรือผ่านระบบอี-มาร์เก็ตเพลสต่างๆ โดยสินค้าที่ขายต้องไม่เป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ทำซ้ำ หรือเป็นของลอกเลียนแบบ และกำลังประสบปัญหาด้านการวางแผนบริหารจัดการสินค้าและการขนส่ง (โลจิสติกส์) โดยสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเชื่อมโยงเครือข่ายสตาร์ทอัพกับเอสเอ็มอีด้วยนวัตกรรมด้านโลจิสติกส์ได้ที่ https://www.dbdservicexstartup.comโดยสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พ.ค.2563 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ กองธุรกิจบริการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โทร 0 2547 5962
ปัจจุบันกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร 6 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่ (TTSA) สมาคมไทยผู้ประกอบธุรกิจเงินร่วมลงทุน (TVCA) และเทคซอส มีเดีย ร่วมคัดเลือกสตาร์ทอัพด้านโลจิสติกส์ที่ผ่านเกณฑ์เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโต 6 บริษัท ได้แก่ 1.มายคราวด์ ฟูลฟิลล์เมนท์ 2.ชิปสเปซ 3.ชิปยัวส์ 4.เอ็นซี กรุ๊ป (เหมียวโลจิสต์) 5.อคิตะ ฟูลฟิลเมนท์ และ 6.สยาม เอาท์เลต ที่พร้อมให้คำปรึกษาและดูแลผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เข้าร่วมกิจกรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น