Cipla บรรลุข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิกับ Gilead มุ่งขยายการเข้าถึงการรักษาโรคโควิด-19 - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

Cipla บรรลุข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิกับ Gilead มุ่งขยายการเข้าถึงการรักษาโรคโควิด-19

Cipla Limited (BSE: 500087) (NSE: CIPLA EQ) (และกล่าวถึงในที่นี้ว่า “Cipla”) ประกาศในวันนี้ว่า บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงอนุญาตใช้สิทธิโดยไม่จำกัดแต่เพียงผู้เดียวกับ Gilead Sciences, Inc. เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายยาวิจัยทางคลินิกอย่าง Remdesivir ซึ่งได้รับการอนุญาตภายใต้อำนาจตามมาตรการฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization) จากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ข้อตกลงดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในความพยายามของ Cipla เพื่อยกระดับการเข้าถึงการรักษาที่จะเข้ามาช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดนี้

ข้อตกลงดังกล่าวจะอนุญาตให้ Cipla สามารถผลิตและจัดจำหน่ายสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมตามที่ขึ้นทะเบียนดังกล่าวใน 127 ประเทศ รวมถึงอินเดียและแอฟริกาใต้ ภายใต้ชื่อแบรนด์ของ Cipla เอง โดย Cipla จะได้รับองค์ความรู้ด้านการผลิตจาก Gilead Sciences, Inc. เพื่อผลิตสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรมตามที่ขึ้นทะเบียนนี้ในเชิงการค้า ซึ่งความแข็งแกร่งของ Cipla ในแง่ของภูมิศาสตร์และการค้า จะทำให้ผู้ป่วยและตลาดต่าง ๆ เข้าถึงการรักษานี้มากขึ้น
ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ยอดผู้ป่วยโรคโควิด-19 ได้ทะลุหลัก 4 ล้านรายแล้วทั่วโลก
หนังสือรับรอง EUA จะทำให้มีการใช้ Remdesivir มากขึ้นเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการรุนแรงตามโรงพยาบาลต่าง ๆ โดย EUA ประเมินจากข้อมูลที่มีอยู่จากการทดลองทางคลินิกระดับโลก 2 โครงการด้วยกัน ได้แก่ โครงการวิจัยเฟส 3 แบบมีกลุ่มควบคุมด้วยยาหลอกของสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติสหรัฐ ที่ศึกษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่มีอาการปานกลางถึงรุนแรง และโครงการวิจัยเฟส 3 ระดับโลกของ Gilead ที่ประเมินประสิทธิภาพของยา Remdesivir ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ปัจจุบัน ยา Remdesivir มีผู้ทำการทดลองทางคลินิกมากขึ้น เพื่อศึกษาหาข้อมูลเรื่องความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยาดังกล่าว เพื่อใช้เป็นแนวทางรักษาโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ยา Remdesivir ยังคงเป็นยาวิจัยทางคลินิกที่ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจาก FDA
คุณ Umang Vohra (เอ็มดีและซีอีโอสากลของ Cipla Limited) กล่าวถึงการเป็นพันธมิตรครั้งนี้ว่า “เพราะทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 เราจึงต้องร่วมมือและสู้ไวรัสนี้ไปด้วยกัน เรามีความยินดีในการเป็นพันธมิตรกับ Gilead ในเรื่องนี้ และผลักดันแนวทางรักษาโรคนี้ให้ถึงผู้ป่วยในประเทศต่าง ๆ หลังได้รับการอนุมัติจากฝ่ายกำกับดูแลแล้ว โดย Cipla มีความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีผู้ป่วยที่ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าถึงการรักษาโรคที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาเอง การเป็นพันธมิตรกับ Gilead นั้นสะท้อนถึงพันธสัญญานี้ และเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญสู่การช่วยชีวิตผู้คนหลายล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด”
เกี่ยวกับ Cipla :
Cipla ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2478 โดยเป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์ระดับโลกที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างว่องไวและยั่งยืน ยาสามัญที่มีความซับซ้อน และยกระดับผลิตภัณฑ์ในตลาดอินเดีย แอฟริกาใต้ อเมริกาเหนือ รวมถึงตลาดเกิดใหม่และตลาดที่มีการกำกับดูแล ให้มีความหลากหลายมากขึ้น จุดแข็งของเราอยู่ที่การรักษาโรคทางระบบหายใจ การต้านรีโทรไวรัส ระบบปัสสาวะ หัวใจวิทยา การต้านการติดเชื้อ และ CNS ซึ่งได้สร้างชื่อให้กับทางบริษัท บริษัทมีศูนย์การผลิต 46 แห่งทั่วโลกที่คอยผลิตรูปแบบเภสัชภัณฑ์กว่า 50 ประเภท และผลิตภัณฑ์กว่า 1,500 รายการ โดยใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อรองรับตลาดกว่า 80 แห่ง Cipla เป็นบริษัทเภสัชภัณฑ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในอินเดีย (IQVIA MAT Mar'20) อันดับ 3 ในตลาดเภสัชภัณฑ์เอกชนของแอฟริกาใต้ (IQVIA MAT Mar'20) ทั้งยังเป็นผู้เล่นในตลาดยาสามัญที่มีการจ่ายยามากเป็นอันดับต้น ๆ ในสหรัฐเป็นเวลาถึง 8 ทศวรรษ โดยการสร้างความแตกต่างแก่ผู้ป่วยนั้นได้เป็นแรงผลักดันเบื้องหลังผลงานของ Cipla ในทุกแง่มุม นวัตกรรมเปลี่ยนกระบวนทัศน์ของเรา ซึ่งได้แก่เทคนิคการรักษา HIV/AIDS ด้วยยาต้านรีโทรไวรัส 3 ตัวยาในราคาวันละไม่ถึง 1 ดอลลาร์ในแอฟริกาเมื่อปี 2544 ได้รับการยกย่องเป็นวงกว้างว่ามีบทบาทส่งเสริมความทั่วถึง การเข้าถึง และการเอื้อมถึง ในแหล่งที่เป็นจุดศูนย์กลางของไวรัส HIV และในฐานะองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม Cipla จึงมีโครงการส่งเสริมมนุษยธรรมในบริการดูแลสุขภาพ ตามสโกแกน 'Caring for Life’ และการผนวกรวมอย่างลึกล้ำกับชุมชนที่บริษัทมีการดำเนินงาน ซึ่งทำให้บริษัทกลายเป็นพันธมิตรในดวงใจขององค์กรสุขภาพ บริษัทในวงการ และผู้มีส่วนร่วมทั่วโลก รับชมข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.cipla.com หรือคลิกบน Twitter, Facebook และ LinkedIn

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad