ICHI เผยงบไตรมาส 1/63 กำไรสุทธิ 159.2 ล้านบาท เติบโต 39.4% รายได้อยู่ที่ 1,285.4 ล้านบาท ยอดขายในประเทศ%เติบโต 5% ปลื้มตลาดอินโดฯ ผลตอบรับดีต่อเนื่อง หนุนโค้งแรกปีนี้รับรู้ส่วนแบ่งกำไร 8.4 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ พร้อมจับตาสถานการณ์โควิด-19 อย่างใกล้ชิด มองไตรมาส 2 ส่งผลิตภัณฑ์ใหม่บุกตลาดเพื่อสุขภาพ และเข้าสู่หน้าร้อนหนุนเครื่องดื่มอิชิตันได้รับการตอบรับเพิ่มขึ้น
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตันกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI เปิดเผยถึง ผลประกอบการงวดประจำไตรมาส 1/2563 กำไรสุทธิอยู่ที่ 159.2 ล้านบาท เติบโต 39.4% รายได้จากการขายอยู่ที่ 1,285.4 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย (2.6) % ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 19.6% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่12.4% โดยตลาดในประเทศมีการเติบโตที่ดี หรือมีสัดส่วนยอดขายในประเทศอยู่ที่ 72.9% ของยอดขายทั้งหมด แม้ในท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ชาเขียวกลุ่ม Mainstream ซึ่งเป็นเซ็กเม้นต์ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดชาเขียว และเย็นเย็น เครื่องดื่มจับเลี้ยง ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากการออกสินค้าใหม่ ส่วนชาเขียวชิซึโอกะ ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ตลาดส่งออกปรับตัวลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าชะลอตัวส่วนหนึ่งมาจากสถานการณ์โควิด-19
ด้านบริษัทร่วม อิชิตัน อินโดนีเซีย ประสบความสำเร็จต่อเนื่องจากปีที่แล้ว บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาในไตรมาส 1/2563 ที่ 8.4 ล้านบาท เป็นผลจากผลิตภัณฑ์ที่ออกวางจำหน่ายติดตลาดและได้รับการตอบรับอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ชานมไทย (Thai Milk Tea) กาแฟนมไทย (Thai Milk Coffee) ชาเขียวไทย (Thai Milk Green Tea) และใหม่ล่าสุดกับเครื่องดื่มมะม่วงผสมน้ำกะทิ (Thai Mango Coconut) ตอกย้ำความเป็นไทยเอาใจผู้บริโภคชาวอินโดฯ รวมทั้งการกระจายสินค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี ตลาดในประเทศ อิชิตันยังสามารถทำผลงานได้ดี และมองว่าในช่วงไตรมาส 2/2563 ภาพรวมตลาดชาเขียวของบริษัทฯ ยังเติบโตได้ เนื่องจากบริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ กลุ่มสินค้า Cooling Effect ได้แก่ “Ichitan Icy Mint” รสชาติน้ำผึ้งมะนาวผสมมินต์ เพิ่ม Cooling ที่ให้ความเย็นขั้นสุด เพื่อสร้างความแตกต่าง และน้ำจับเลี้ยง “สูตรเย้นนนเย็น” ที่เปิดตัวในช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เข้าสู่ช่วงหน้าร้อนพอดี ประกอบกับแคมเปญที่ออกมาสื่อสารตรงกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะแคมเปญ Free Fire เอาใจลูกค้าคอเกม E-Sport
นอกจากนี้ ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อิชิตันยังมุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ล่าสุด เปิดตัวผลิตภัณฑ์ “นมอัดเม็ด วันมอร์” ของทานเล่นที่ลูกรักแม่เลือก แตกต่างด้วยส่วนผสมนมไขมันต่ำนำเข้าจากนิวซีแลนด์ ไม่ผสมครีมเทียม วางจำหน่ายแล้วในช่องทางร้านค้าปลีกรายย่อย Traditional Trade และ Makro ในขนาด 10 กรัม ราคา 10 บาท เพื่อกระตุ้นผลประกอบการไตรมาส 2 และครึ่งปีหลังจากนี้
และขยายไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องดื่ม เปิดตัว "PH PLUS 8.5" น้ำดื่มอัลคาไลน์ผสมวิตามิน B รวม (วิตามิน B3 B5 B6 B9) ปรับสมดุลในร่างกายจากสภาวะที่เป็นกรดให้กลับสู่สภาวะปกติ แข็งแรง และสดชื่นในชีวิตประจำวัน ผลิตจากนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยของประเทศญี่ปุ่น ขนาด 550 มล. ราคา 20 บาทรวมทั้ง เปิดตัวชาเขียวชิซึโอกะ 2 รสชาติใหม่ ขนาด 440 มล. สูตรเกียวคุโระ ไม่เติมน้ำตาลและสูตรเทนฉะ มัทฉะ ฮันนี่ สูตรพิเศษเฉพาะจากทีมาสเตอร์รุ่นใหม่แห่งเมืองชิซึโอกะ วางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ
“ภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มของอิชิตัน แม้อยู่ในสถานการณ์ยากลำบากอย่างโควิด-19 แต่จากการปรับแผนกลยุทธ์การเจาะกลุ่มทำตลาดให้เหมาะสมกับสินค้าแต่ละชนิด ส่งผลให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ตลาดในประเทศยังมีทิศทางการเติบโตที่ดี ขณะที่ อิชิตันอินโดนีเซีย ส่งสัญญาณบวก เป็นปัจจัยสนับสนุนกำไรในไตรมาสแรกของปีนี้ ควบคู่การบริหารจัดการต้นทุนอย่างรัดกุม พยายามมุ่งเน้นรักษาอัตรากำไร และจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด” นายตัน กล่าว
ณ ไตรมาสแรก (สิ้นเดือนมีนาคม 2563) ภาพรวมตลาดชาพร้อมดื่มในประเทศไทยมีมูลค่าตลาด 2,782 ล้านบาท ลดลง 5.66 % ในเชิงมูลค่า และลดลง 6.68% ในเชิงปริมาณ แบ่งเป็นชาเขียวพรีเมี่ยมสัดส่วน 12.37% ของมูลค่าตลาดชาทั้งหมด โดยชาเขียวพร้อมดื่มชิซึโอกะ มีส่วนแบ่งการตลาดชาพรีเมี่ยมอยู่ที่ 25.40%
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น