JCK ฝ่าวิกฤตโควิด-19 มุ่งมั่นดันงบเป็นบวกภายในปีนี้ เหตุมีลูกค้าในพอร์ตรอซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมกว่า 100 ไร่ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

JCK ฝ่าวิกฤตโควิด-19 มุ่งมั่นดันงบเป็นบวกภายในปีนี้ เหตุมีลูกค้าในพอร์ตรอซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมกว่า 100 ไร่

JCK ฝ่าวิกฤตโควิด-19 มุ่งมั่นดันงบเป็นบวกภายในปีนี้ เหตุมีลูกค้าในพอร์ตรอซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมกว่า 100 ไร่

JCK ยืนยันดันงบในปี 2563 พลิกเป็นบวก แม้ว่าโควิด-19 จะกระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะงัก กระทบยอดขายที่ดินในไตรมาสแรกหดวูบ แต่เชื่อว่าจะสามารถฟื้นตัวหลังรัฐบาลคลายล็อคดาวน์ เหตุมีลูกค้าในมือรอซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมรวมกว่า 100 ไร่  

นายอภิชัย เตชะอุบล ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) หรือJCK ผู้ประกอกบการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศเกิดการชะงัก จากข้อจำกัดในการเดินทาง และยังส่งผลให้ลูกค้าของบริษัทฯ ที่สนใจเข้าลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม จำเป็นต้องชะลอการลงทุนออกไป ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้ในไตรมาส 1 ของปี 2563 บริษัทฯไม่มีรายได้จากการขายที่ดินและอาคารโรงงาน และส่งผลให้มีรายได้รวม จำนวน 73.68 ล้านบาท ลดลง 43% บริษัทฯประเมินสถานการณ์น่าจะกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติได้ในระยะอันใกล้นี้ จากการที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง ทำให้บริษัทฯคาดว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะดำเนินเข้าสู่ภาวะปกติ และจะทำให้สามารถขายที่ดินได้ตามปกติ
“แม้ว่าจะมีสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทฯ ยังมีความมั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการจะต้องพลิกเป็นบวก  ทันทีที่รัฐบาลปลดล็อกดาวน์ บริษัทฯจะเร่งดำเนินการในส่วนของลูกค้าที่ได้แสดงความต้องการจะซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัทฯรวมแล้วราว 100 ไร่ ยังไม่นับรวมกับพื้นที่ให้เช่าคลังสินค้าอีกราว 28,000 ตารางเมตร ข้อสำคัญยอดขายคอนโดอาร์ติซานจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปีนี้ จากที่ขายไปแล้ว 80% ของมูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท”
นายอภิชัย กล่าวว่า อยากจะบอกผู้ถือหุ้นไม่ต้องกังวลว่าบริษัทฯจะลงทุนเพิ่ม เพราะที่ดินในมือรอการพัฒนามีมากเพียงพอโดยไม่จำเป็นต้องลงทุนเพิ่ม โดยมีที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมรวมกว่า 800 ไร่  หากสามารถพัฒนาและขายได้จะก่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนให้กับบริษัทฯ และไม่นับรวมที่ดินอีกราว 1,000 ไร่ รองรับการพัฒนาในเฟสที่ 2
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขายโรงงานให้เช่าประมาณ 40,000-50,000 ตารางเมตร เข้าไปเป็นสินทรัพย์หลักของกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่า(Reit)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad