SSP ไปต่อไม่รอแล้วนะ! ผลประกอบการไตรมาสแรกปีนี้กำไรจากการดำเนินงานพุ่งกระฉูด 24% ทำสถิติใหม่ ส่วนในภาพรวมสุดหรูกำไรสุทธิพุ่งกระฉูด 75% แตะระดับ 214 ล้านบาท เพราะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหนุน ระบุรับรู้รายได้โซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลียรวม 66 เมกะวัตต์ แถมจ่อ COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 34 เมกะวัตต์ ก่อนกำหนด ดันผลงานครึ่งปีหลังทะยานต่อ
นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SSP) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาท หรือร้อยละ 75 จากไตรมาสที่ 1/2562 โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายการพิเศษในไตรมาสที่ 1/2563 คือ การบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 51 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP มีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาสที่ 1/2563 ที่ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% สร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง
สำหรับผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลียรวม 66 เมกะวัตต์ ตลอดจนโรงไฟฟ้าซึ่งเปิดดำเนินการระหว่างปี 2561 ทั้งในไทยและญี่ปุ่นรับรู้รายได้เต็มปี โดยในปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวมทั้งสิ้น 160 เมกะวัตต์
พร้อมกันนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมขายไฟ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 34 เมกะวัตต์ เพิ่มอีกภายในเดือน มิ.ย. 2563 นี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนด เมื่อรวมกับการรับรู้รายได้เต็มปีของโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลีย จะทำให้ปี 2563 นี้มีการเติบโตอย่างโดดเด่นเช่นเคย
ส่วนแนวโน้มรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดยังเติบโตอีกมาก จากการมีโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มขายไฟมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเรามีฐานจำนวนโรงไฟฟ้าที่ยังไม่สูง พอโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มดำเนินการก็จะมีอัตราเติบโตต่อรายได้และกำไรมาก โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาในรอบ 3 ปีข้างหน้า อาทิ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงแดดในญี่ปุ่นอีกสองโรงกำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ และ 22 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ทุกโครงการเดินหน้าปกติตามแผนงานที่เราวางไว้ ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดแต่อย่างใด
"จุดแข็งของ SSP คือ มีความเชี่ยวชาญ เน้นพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้น ไม่เน้นการซื้อโครงการที่เสร็จแล้วมาดำเนินการต่อ ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนในแต่ละโรงไฟฟ้าดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาส หากมีโครงการที่ผลตอบแทนดี ความเสี่ยงต่ำก็พร้อมซื้อเช่นกัน"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SSP กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพยายามมองหาโครงการใหม่มาเติมในพอร์ตการลงทุนอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับรายได้และกำไรที่เติบโตสูงมาตลอด โดยในปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในประเทศเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในประเทศอินโดนีเซีย โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2563 ทั้งนี้ SSP มีเป้าหมายต้องการมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 400 เมกะวัตต์ ภายใน 3-5 ปี ข้างหน้า ซึ่งจะแจ้งกับนักลงทุนต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น