สศอ. เผย MPI เดือนพ.ค. หดตัวร้อยละ 23.19 อุตฯ อาหารและยาขยายตัวต่อเนื่อง คาดเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ดีขึ้นหลังทั่วโลกเริ่มคลายล็อกดาวน์ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

สศอ. เผย MPI เดือนพ.ค. หดตัวร้อยละ 23.19 อุตฯ อาหารและยาขยายตัวต่อเนื่อง คาดเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ดีขึ้นหลังทั่วโลกเริ่มคลายล็อกดาวน์

สศอ. เผย MPI เดือนพ.ค. หดตัวร้อยละ 23.19 อุตฯ อาหารและยาขยายตัวต่อเนื่อง คาดเศรษฐกิจเดือน มิ.ย. ดีขึ้นหลังทั่วโลกเริ่มคลายล็อกดาวน์

สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้   ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2563 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ร้อยละ 23.19 แต่ขยายตัวจากเดือนก่อนร้อยละ 2.86 ส่งสัญญาณดีขึ้นหลังจากผ่านคลายล็อกดาวน์  โดยอุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) และยายังคงขยายตัวต่อเนื่อง คาดเศรษฐกิจในเดือนมิถุนายนจะดีขึ้นหลังได้เงินหมุนเศรษฐกิจจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐและมีการคลายล็อกดาวน์ทั้งในและต่างประเทศ

นายอิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า                  ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนพฤษภาคม 2563 หดตัวลงเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน  ร้อยละ 23.19 โดยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่หลายประเทศได้ใช้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น ส่งผลให้เศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว กิจกรรมสำคัญทางเศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงักลง รวมทั้งกิจกรรมด้านการขนส่ง นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังได้ลดวันทำงานลง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ที่ในเดือนพฤษภาคมมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ร้อยละ 26.86 เป็นต้น ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตโดยรวมเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ร้อยละ 52.84 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นหลัง
ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนพฤษภาคมขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ร้อยละ 2.86 จากการเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในประเทศไทย ส่งผลให้เกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้นในบางอุตสาหกรรมที่สามารถตอบสนองต่อผู้บริโภคได้ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร (ไม่รวมน้ำตาล) ที่ยังขยายตัวเพิ่มขึ้น อาทิ ผลิตภัณฑ์ปลาแช่แข็ง สัตว์น้ำบรรจุกระป๋อง การแปรรูปผักผลไม้ นม แป้งมันสำปะหลัง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เช่นเดียวกันกับอุตสาหกรรมยาที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.07 นับเป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับ 2 หลักติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4
นายอิทธิชัย กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนพฤษภาคม 2563 ได้แก่ การผลิตรถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม และเครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเพื่อควบคุมสถานการณ์การระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง โรงงานยังคงหยุดสายการผลิต ประชาชนเริ่มทำงานที่บ้านจึงลดการเดินทางลง การหยุดกิจกรรมขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทำให้ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบจากต่างประเทศและถูกปิดช่องทางการขายทั้งในและต่างประเทศ ในขณะที่อุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวดีในเดือนพฤษภาคม ได้แก่
ปุ๋ยเคมี ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 24.89 เนื่องจากผู้ผลิตบางรายได้เพิ่มสัดส่วนในการรับจ้างผลิตสินค้ามากขึ้นจากปีก่อนที่เน้นการผลิตตามแผนการตลาดของตัวเองเท่านั้น
อาหารทะเลกระป๋อง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 21.15 โดยสถานการณ์   โควิด-19 ได้ส่งผลให้เกิดความต้องการอาหารที่เก็บไว้ได้นานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเร่งผลิตให้สอดคล้องกับปริมาณวัตถุดิบปลาทูน่าและปลาซาร์ดีนที่มีมากในปีนี้
เภสัชภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ที่ใช้รักษาโรค ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 10.07   จากผลิตภัณฑ์ยาเม็ด ยาแคปซูล และยาครีม เนื่องจากมีความต้องการใช้ต่อเนื่องในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
นม ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.99 จากผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มและนมผง เนื่องจากปริมาณน้ำนมดิบที่มีเพิ่มขึ้น รวมถึงการทำโปรโมชั่นและเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์ โดยได้รับคำสั่งซื้อจากมาเลเซีย อินโดนีเซียและพม่าเพิ่มขึ้นหลังผู้ผลิตในมาเลเซียปิดโรงงานชั่วคราวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
อาหารทะเลแช่แข็ง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 5.08 จากผลิตภัณฑ์         ปลาแช่แข็ง เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายนจะกลับมาดีขึ้น โดยจะได้เงินหมุนเวียนเศรษฐกิจจากมาตรการเงินเยียวยาและช่วยเหลือประชาชนจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของรัฐบาลในส่วนต่าง ๆ ที่คืบหน้าค่อนข้างมาก อาทิ มาตรการเยียวยา 5,000 บาท ที่ให้ความช่วยเหลือสำเร็จแล้วกว่าร้อยละ 99 รวมถึงการผ่อนคลายให้กิจกรรมและกิจการบางประเภทสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้ โดยการผ่อนคลายล็อกดาวน์ระยะที่ 3 ในวันที่ 1 มิถุนายน และระยะที่ 4 ที่เริ่มวันที่ 15 มิถุนายน จะช่วยให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจบางส่วนเริ่มกลับมาดำเนินการต่อได้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจภาพรวมรวมถึงภาคอุตสาหกรรม เช่นเดียวกันกับในหลายประเทศที่มีการผ่อนคลายล็อกดาวน์ ทำให้ความต้องการสินค้าจากต่างประเทศเริ่มกลับมาขยายตัวอีกครั้ง นายอิทธิชัย กล่าวปิดท้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad