ซินเน็คฯ มองครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งแรก รับไฮซีซั่นธุรกิจและ 5G หนุนตลาด เดินหน้าขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มมาร์จิ้นสูง และควบคุมต้นทุนต่อเนื่อง - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2563

ซินเน็คฯ มองครึ่งปีหลังโตกว่าครึ่งแรก รับไฮซีซั่นธุรกิจและ 5G หนุนตลาด เดินหน้าขยายพอร์ตสินค้ากลุ่มมาร์จิ้นสูง และควบคุมต้นทุนต่อเนื่อง


ซินเน็คฯ แม่ทัพใหญ่ไอที ประเมินครึ่งปีหลัง ภาพรวมธุรกิจไอทีโตแรง รับปัจจัยบวกกำลังซื้อฟื้นเข้าสู่ไฮซีซั่นธุรกิจ และสินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว รับอานิสงส์เทคโนโลยี 5G เข้ามากระตุ้นตลาดสมาร์ทโฟน และสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ให้คึกคัก ขณะที่ สินค้ากลุ่ม Work From Home และสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง ยังสดใสต่อเนื่อง หลังจับมือบิ๊กแบรนด์ขยายพอร์ต “สุธิดา มงคลสุธี” แม่ทัพหญิง มองสินค้าเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ แม้ในช่วงวิกฤติ แต่ยังเป็นที่ต้องการสูงในกลุ่มผู้บริโภค โดยซินเน็คฯ มีจุดแข็งในฐานะผู้นำตลาดที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตร มีแบรนด์ที่หลากหลายกลุ่มทำให้สามารถบริหาร Product Mix ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่บริการหลังการขายที่ครบวงจร และเตรียมจับมือพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำรายใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตต่อเนื่องอีก 2-3 แบรนด์ในปีนี้

นางสาวสุธิดา มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SYNEX) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำระดับโลกหลากหลายประเภท เปิดเผยถึง แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ปี 2563 ยังคงเติบโตต่อเนื่อง และคาดจะเติบโตกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ สำหรับปีนี้ได้อานิสงส์จาก 5G เข้ามาขับเคลื่อนสินค้าไอที และสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ สร้างฐานการเติบโตของรายได้และกำไรให้เติบโตยิ่งขึ้น เนื่องจากสินค้ากลุ่มดังกล่าวมีอัตรากำไรสูง รวมทั้ง อานิสงส์จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ โดยเฉพาะสมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำ และไอโฟน ที่สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G รองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสมาร์ทยิ่งขึ้น
ประกอบกับ ความต้องการสินค้าไอที แอสเซสเซอรี่ และสินค้ากลุ่มเกมมิ่ง ยังคงเป็นที่ต้องการสูงต่อเนื่องจากช่วง Work from Home ประกอบกับ กลยุทธ์การขยายตลาดไปยังช่องทางออนไลน์ โดยในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตสูงมาก และมองว่าพฤติกรรมลูกค้าจะเปลี่ยนมาซื้อสินค้าออนไลน์ต่อเนื่อง รับพฤติกรรมใหม่ New Normal Lifestyle เป็นผลบวกต่ออัตรากำไรบริษัทฯ ให้ปรับสูงขึ้นตามไปด้วย
นอกจากนี้ ซินเน็คฯ มีความแข็งแกร่งในฐานะดิสทริบิวเตอร์ไอทีอันดับหนึ่งของประเทศไทย ทำให้มีความเข้มแข็งในการบริหารแบรนด์สินค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้าและพันธมิตร รวมถึง การได้รับแต่งตั้งให้เป็น Sole Distributor แบรนด์ชั้นนำระดับโลกหลากหลายแบรนด์ และหลากหลายสินค้าในช่วงที่ผ่านมา ได้แก่ แบรนด์เกมมิ่ง RAZER และ EPOS สนับสนุนให้ซินเน็คฯ เป็นผู้นำการจัดจำหน่ายสินค้าเกมมิ่งเกียร์อันดับ 1 ของประเทศ ซึ่งมีทิศทางการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้ง แบรนด์สินค้าเทคโนโลยีไลฟ์สไตล์ Fuji Instax เข้ามาเสริมความเข้มแข็งในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และเตรียมจับมือเป็นพันธมิตรแบรนด์ใหม่เสริมพอร์ตอีกราว 2 - 3 แบรนด์ในช่วงที่เหลือของปีนี้
“ความต้องการของสินค้าไอทีในช่วงครึ่งปีหลังยังแรง ทั้งการเติบโตของสินค้ากลุ่ม PC และ Note Book ที่เติบโตต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส 2 รวมทั้ง สินค้ากลุ่มสมาร์ทโฟน สมาร์ทดีไวซ์ และแอสเซสเซอรี่ จะเติบโตย่างก้าวกระโดดได้ เนื่องจากโอเปอเรเตอร์เปิดตัว 5G สนับสนุนสินค้ากลุ่มที่ทำงานร่วมกับดีไวซ์ที่รองรับ 5G มีโอกาสจะถูกผลิตและเปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง เช่น Mobile Office , Smart Home , Fitness&Health , Entertainment และ Easy Travel เป็นโอกาสของซินเน็คฯ ในการขยายตลาดเพิ่มขึ้นได้อีกมาก และเป็นสินค้าที่มาร์จิ้นค่อนข้างดี ขณะที่ สินค้ากลุ่มเกมมิ่ง มีโอกาสเติบโตสูงตามเทรนด์โลก ซึ่งซินเน็คฯ เป็นตัวแทนรายใหญ่สุดของประเทศไทยในสินค้ากลุ่มเกมมิ่งเกียร์ให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก” นางสาวสุธิดา กล่าว
สำหรับเป้าหมายการเติบโตปี 2563 ซินเน็คฯ ตั้งเป้าเพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่นขึ้น โดยผลการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนของปี 2563 มีรายได้จากการขายและให้บริการเท่ากับ 16,024 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 8 และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 298 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 1.7 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า (COVID-19) ในช่วงไตรมาสแรกของปี แต่ยอดขายฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในช่วงไตรมาสสองภายหลังจากการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ และคาดจะดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่ ในช่วงไตรมาส 2/2563 การเติบโตของกำไรสูงกว่ารายได้ โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 รายได้จากการขายและให้บริการ 8,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก สินค้าไอทีได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยเฉพาะสินค้ากลุ่ม Work From Home ได้แก่ Notebook, iPad, อุปกรณ์ Home Networking และ VDO จากสถานการณ์ COVID-19 กระตุ้นความต้องการซื้อ ควบคู่กับยอดขายออนไลน์ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น รวมถึง สัดส่วนรายได้จากสินค้า Apple เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท กำหนดวันที่จ่ายปันผล 8 กันยายน 2563 เพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ให้การสนับสนุนบริษัทฯ ด้วยดีเสมอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad