“พาณิชย์”ปลื้มระบบตรวจสอบย้อนกลับ “ข้าวอินทรีย์” บนบล็อกเชน ประสบความสำเร็จตามเป้า - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2563

“พาณิชย์”ปลื้มระบบตรวจสอบย้อนกลับ “ข้าวอินทรีย์” บนบล็อกเชน ประสบความสำเร็จตามเป้า

img

“พาณิชย์”เผยผลทดสอบระบบ TraceThai.com ตรวจสอบย้อนกลับมาตรฐานสินค้า “ข้าวอินทรีย์” บนบล็อกเชน ประสบความสำเร็จตามเป้า เผยบางรายนำขายออนไลน์ใน Amazon ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผู้ซื้อ ผู้นำเข้าสหรัฐฯ มั่นใจเพิ่มขึ้น และบางรายใช้ตรวจสอบข้าวอินทรีย์แปรรูปสำหรับเด็ก ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน เตรียมดึงเกษตร ผู้ประกอบการอีก 6 รายใน 4 จังหวัดเข้าร่วมเพิ่ม     
        
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า สนค. ได้เริ่มทดลองการใช้งานระบบ TraceThai.com สำหรับตรวจสอบย้อนกลับมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์บน Blockchain กับผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์ในจังหวัดนครปฐมและสุพรรณบุรี และยังได้นำเสนอสินค้าต้นแบบที่เข้าร่วมโครงการ Blockchain ตรวจสอบย้อนกลับข้าวอินทรีย์ ได้แก่ ข้าวอินทรีย์ แบรนด์บ้านสวนข้าวขวัญ และผลิตภัณฑ์ข้าวอินทรีย์แปรรูป แบรนด์ซองเดอร์ ซึ่งผู้ประกอบการบางรายได้ทดลองใช้ระบบ TraceThai.com กับสินค้าที่จำหน่ายในตลาดแล้ว โดยมีผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์รายหนึ่งจากนครปฐมติด QR Code และสัญลักษณ์ TraceThai.com บนบรรจุภัณฑ์ข้าวอินทรีย์ที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยขายออนไลน์ใน Amazon ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้นำเข้าที่เห็นว่าระบบนี้ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับสินค้าอินทรีย์ไทย และมีผู้ผลิตและผู้แปรรูปข้าวอินทรีย์จากสุพรรณบุรีอีก 2 รายได้ใช้ระบบ TraceThai.com ในการตรวจสอบย้อนกลับข้าวอินทรีย์ และสินค้าแปรรูปข้าวอินทรีย์เป็นอาหารสำหรับเด็ก ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากด้วย
        
ทั้งนี้ ปัจจุบันระบบ TraceThai.com มีความสมบูรณ์เกือบ 100% แล้ว โดยช่วงต้นเดือนส.ค.2563 ที่ผ่านมา คณะทำงานได้จัดการทดสอบระบบผ่านทางออนไลน์กับกลุ่มผู้ประกอบการนำร่องรวมจำนวน 6 ราย ทั้งที่เป็นผู้ผลิตรายเดี่ยว ผู้ผลิตที่เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผู้ส่งออก และผู้แปรรูปสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยมีข้อคิดเห็นให้ปรับปรุงระบบให้สอดคล้องกับการใช้งานจริงและปรับให้ใช้งานง่ายมากขึ้น รวมทั้งช่วงวันที่ 8-11 ก.ย.2563 สนค. และที่ปรึกษาโครงการฯ พร้อมด้วยเครือข่ายภาครัฐ ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารกรุงไทย และ GISTDA จะร่วมลงพื้นที่เพื่อทดสอบระบบกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการข้าวอินทรีย์จำนวน 6 รายในจังหวัดสุรินทร์ ศรีสะเกษ ยโสธร และบุรีรัมย์

“ตั้งเป้าว่าภายหลังการรวบรวมข้อคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงเพื่อนำมาปรับปรุงระบบ TraceThai.com ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว จะได้เริ่มใช้งานระบบจริง พร้อมทั้งจัดงานสัมมนาเผยแพร่โครงการและโรดแมปแนวทางการต่อยอดโครงการระยะต่อไปในเดือนต.ค.2563”

สนค. ได้ริเริ่มการพัฒนาระบบ TraceThai.com เพื่อตรวจสอบย้อนกลับมาตรฐานสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยบน Blockchain โดยนำร่องด้วยข้าวอินทรีย์ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงและมีศักยภาพในการส่งออก ด้วยการนำเทคโนโลยี Blockchain มาสนับสนุนกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อสร้างความโปร่งใส ยกระดับความน่าเชื่อถือและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทย ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติรวมถึงบริษัทคู่ค้าสามารถตรวจสอบที่มาและเส้นทางสินค้าเกษตรอินทรีย์จากไทย โดยการสแกน QR Code หรือตรวจสอบจากเลขล็อตการผลิตบนฉลากสินค้ากับเว็บไซต์ TraceThai.com

โดยหลังจากสแกน จะแสดงข้อมูลเส้นทางของสินค้านั้น ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก การผลิต การแปรรูป จนถึงการจำหน่ายข้าวอินทรีย์ รวมถึงทราบข้อมูลของผู้ประกอบการ ข้อมูลการผลิตสินค้า รวมทั้งข้อมูลมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ว่าสินค้านั้นผ่านมาตรฐานใด ได้รับการตรวจรับรองจากหน่วยงานรับรองมาตรฐาน (Certification Body: CB) รายใด และในส่วนของผู้ประกอบการสามารถใช้ระบบ TraceThai.com ในการควบคุมข้อมูลการผลิต การบริหารวัตถุดิบและสต็อกสินค้า รวมทั้งเป็นข้อมูลประกอบการตรวจรับรองมาตรฐานอินทรีย์ และสนับสนุนการสร้างเครือข่ายความเชื่อใจระหว่างกลุ่มผู้ประกอบการอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad