ไทยเบฟดึงพลังเยาวชนคนรุ่นใหม่ จัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนในชุมชนรักสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ปีที่ 21 - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2564

ไทยเบฟดึงพลังเยาวชนคนรุ่นใหม่ จัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนในชุมชนรักสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ปีที่ 21

 ไทยเบฟดึงพลังเยาวชนคนรุ่นใหม่ จัดกิจกรรมส่งเสริมให้คนในชุมชนรักสิ่งแวดล้อม ผ่านโครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ปีที่ 21

บมจ นับเป็นปีที่ 21 ติดต่อกันแล้ว ที่โครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ได้เดินทางมอบความอบอุ่น ให้กับชาวไทยผู้ประสบภัยหนาว ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 45 จังหวัด ผ่านผ้าห่มผืนเขียวจำนวน 4 ล้าน 2 แสนผืน ด้วยความร่วมมือจากพันธมิตรทุกภาคส่วน ที่ร่วมสานต่อปณิธานแห่งการ “ให้” อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ภายใต้แนวคิด “BEYOND THE GREEN BLANKET… A SUSTAINABLE COMMUNITY OF GIVING มากกว่าความอบอุ่น คือสังคมแห่งการให้ที่ยั่งยืน” 

ในฐานะองค์กรผู้นำด้านความยั่งยืน ที่ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องการพัฒนาที่ยั่งยืน                        บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จึงได้ดำเนินงานตามแนวทางเพื่อป้องกันและรักษาสิ่งแวดล้อม เพิ่มประสิทธิภาพในการทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการจัดสรร “ผ้าห่มผืนเขียวรักษ์โลก” ที่ผลิตจากขวดน้ำดื่มพลาสติกไม่ใช้แล้ว จำนวน 7 ล้าน 6 แสนขวด ทักทอเป็นผ้าห่ม จำนวน 2 แสนผืน ซึ่งสามารถลดการใช้พลังงานในกระบวนการผลิต รวมถึงลดปัญหาขยะจากขวดพลาสติก และยังคงคุณภาพของผ้าห่มผืนเขียวนี้ให้มีความนุ่ม และอบอุ่นเหมือนเช่นเคย 



และไม่เพียงแค่การส่งมอบผ้าห่มให้กับพี่น้องผู้ประสบภัยหนาวเท่านั้น โครงการ “ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว” ยังได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตร จิตอาสา โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนนักศึกษา           ที่ให้ความสนใจและเข้ามาร่วมเติมเต็มความอบอุ่นในโครงการ ผ่านการจัดกิจกรรมสันทนาการต่าง ๆ เพื่อสอดแทรกความรู้ที่เป็นประโยชน์หลากหลายด้านให้กับผู้มารับผ้าห่มอีกด้วย

จิดาภา สุขนิวัตรศิริ นักศึกษาทุน Beta Young Entrepreneur รุ่นที่ 9 วิทยาลัยผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เล่าความรู้สึกว่า “ปีนี้หนูได้มีโอกาสมาร่วมกิจกรรมในโครงการผ้าห่มของไทยเบฟเป็นปีแรกค่ะ ซึ่งปีนี้พิเศษกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา เพราะผ้าห่มเเต่ละผืนของไทยเบฟนั้น ทำมาจากขวดน้ำพลาสติก ซึ่งนำมาแปรรูปเป็นเส้นใย เเละถักทอออกมาเป็นผ้าห่ม โดยสามารถให้ความอบอุ่นได้มากกว่าผ้าห่มที่มาจากฝ้ายในปีก่อน  หนูมองว่านั่นเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ เลย ในการนำสิ่งของที่คนคิดว่าไม่มีคุณค่าเเล้ว มาทำให้เกิดประโยชน์และสามารถส่งมอบให้กับผู้ที่ประสบภัยหนาวได้ค่ะ และสำหรับตัวหนูเอง ที่พึ่งเคยมาเป็นปีเเรกก็รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากค่ะ รู้สึกมีความสุขเวลาที่เราได้เรียนรู้การเป็นผู้ให้ การได้ไปทำกิจกรรมให้กับชาวบ้าน ได้นำความรู้ที่เรามี ในเรื่องของการเเยกขยะอย่างถูกต้อง ซึ่งบางที ชาวบ้านอาจจะยังไม่รู้ว่า สิ่งของที่เค้าใช้เเล้วทิ้ง บางอย่างมันสามารถที่จะสร้างมูลค่าได้มากกว่าปล่อยให้มันเป็นขยะไปเฉยๆ โดยหนูมองว่าทั้งความรู้และประสบการณ์ในการมาทำกิจกรรมครั้งนี้สามารถที่จะนำเอาไปใช้กับการประกอบธุรกิจในอนาคตได้ โดยเราต้องคำนึกถึงสภาพเเวดล้อม เเละการตอบเเทนสิ่งดีๆกลับคืนสู่สังคม เพื่อเป็นผู้ประกอบการที่ทั้งเก่งและเป็นคนดี ตามวัตถุประสงค์ของโครงการค่ะสุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณ ThaiBev และโครงการ Bata young Entrepreneur ที่มอบโอกาสดีๆ เเบบนี้ ให้พวกเราได้มาร่วมกิจกรรมดีๆ เเละสร้างรอยยิ้มให้กับผู้ประสบภัยหนาว ซึ่งในฐานะตัวเเทนของเยาวชนรุ่นใหม่ อยากจะให้ทุกคนตระหนักถึงสิ่งเเวดล้อมให้มากขึ้น ไม่จำเป็นต้องทำอะไรใหญ่โตก็ได้ขอเเค่เริ่มจากจุดเล็กๆที่เราสามารถทำได้ เช่น การเเยกขยะ การลดใช้ถุงพลาสติก เเค่ 1 คน ไม่รับถุงพลาสติก ทั่วทั้งประเทศไทย ถุงพลาสติกที่จะต้องมีการนำไปย่อยสลายทำลายก็จะลดลงไปถึง 60 กว่าล้านใบ เพียงเเค่จุดเล็กๆเท่านี้ เราก็เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยให้สิ่งเเวดล้อมดีขึ้นเเล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ”

ศาสวัต แก้วชล เล่าเสริมว่า “ผมเป็นตัวแทนของนักศึกษากลุ่ม Beta Young Entrepreneur ครับ มาร่วมกิจกรรมกับไทยเบฟ โดยมาให้ความรู้กับชาวบ้านและเด็ก ๆ เรื่องการแยกขยะ ผ่านเกมที่เราเตรียมมา เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้ว่า ขยะประเภทไหนที่สามารถนำเอากลับมารีไซเคิลได้เพื่อเป็นการช่วยลดปริมาณขยะ รวมไปถึงกิจกรรมสอนทำกระเป๋าผ้า DIY จากเสื้อยืดที่ไม่ใช้แล้ว โดยเราต้องการที่จะให้ทุกคนหันมารักและใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้นครับ ด้วยการเริ่มจากสิ่งใกล้ ๆ ตัวเราเป็นอันดับแรก ซึ่งก็สอดคล้องกับโครงการแจกผ้าห่มของไทยเบฟครับ ที่มีเป้าหมายในการลดปริมาณขยะจากขวดน้ำที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนี้ โดยนำมาแปรสภาพให้กลายเป็นผ้าห่มเพื่อนำไปแจกให้กับคนที่เค้าขาดแคลน ซึ่งในมุมของผมรู้สึกว่ามันดีมาก ๆ นะครับ เพราะสามารถตอบโจทย์เรื่องการให้ ทั้งในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม อยากฝากถึงคนรุ่นใหม่ครับ เริ่มจากตัวเราครับ สร้างจิตสำนึกตัวเราเองให้เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่ และถ้ามีโอกาส ก็ขยายสู่คนรอบข้างไปเรื่อย ๆ ครับ สังคมเราจะได้น่าอยู่มากขึ้นครับ”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad