เกษตรกรผู้ปลูกลำไยกระทบ จีนสั่งห้ามนำเข้าจากไทย 66 บริษัท มีผล 13 ส.ค.นี้ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เกษตรกรผู้ปลูกลำไยกระทบ จีนสั่งห้ามนำเข้าจากไทย 66 บริษัท มีผล 13 ส.ค.นี้

img

จีนสั่งห้ามนำเข้าลำไยจากผู้ส่งออกไทยรวม 66 บริษัท มีผล 13 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ไม่มีกำหนดเวลา คาดกระทบส่งออกแน่ เหตุจีนเป็นตลาดอันดับหนึ่ง และกระทบราคาในประเทศ หลังผลผลิตกำลังออกสู่ตลาด “พาณิชย์”ผนึกทูตเกษตร เจรจาจีนขอผ่อนผันการบังคับใช้ พร้อมเร่งหาตลาดในอาเซียนรองรับ
         
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า รัฐบาลจีนได้ประกาศห้ามนำเข้าลำไยจากผู้ส่งออกไทยทั้งหมดรวม 66 บริษัท เพราะมีการตรวจสอบพบเพลี้ยแป้งในลำไย โดยจะมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 13 ส.ค.2564 เป็นต้นไป และไม่ได้กำหนดระยะเวลา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกลำไยของไทยไปจีน เพราะจีนเป็นตลาดอันดับหนึ่งในการส่งออกลำไยของไทย และยังจะส่งผลต่อเนื่องกระทบต่อราคาผลผลิตลำไยในประเทศ ที่ขณะนี้กำลังออกสู่ตลาดเป็นอย่างมาก   
         
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า กรมฯ ได้รับทราบเรื่องที่จีนห้ามนำเข้าลำไยจากไทยแล้ว เนื่องจากพบเพลี้ยแป้ง ซึ่งได้สั่งการให้ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (ทูตพาณิชย์) ที่อยู่ในจีน ประสานทูตเกษตร ให้เจรจากับทางการจีน เพื่อขอให้ผ่อนผันการบังคับใช้ออกไปก่อน เนื่องจากเป็นการดำเนินการอย่างกะทันหัน
         
“หากการเจรจาไม่ได้ผล มีโอกาสที่จะกระทบกับการส่งออกลำไยของไทย เพราะการส่งออกลำไยไปจีน มีสัดส่วนถึง 70-80% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งกรมฯ ได้เร่งปรับแผนการส่งออกลำไยด้วยการหาตลาดในอาเซียนที่มีศักยภาพมารองรับ โดยล่าสุดได้เตรียมจัดเจรจาการค้าออนไลน์กับเวียดนาม เพื่อหาตลาดทดแทนการส่งออกไปจีน และมีแผนจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่กัมพูชา และอินเดียด้วย”นายสมเด็จกล่าว       

นายสัญชัย ปุรณะชัยคีรี นายกสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย กล่าวว่า ผลผลิตลำไยที่กำลังทยอยออกสู่ตลาดในช่วงนี้ ได้รับผลกระทบแน่ เพราะรัฐบาลจีนได้ประกาศระงับนำเข้าลำไยจากผู้ส่งออกไทยรวมทั้งหมด 66 บริษัท มีผลในวันที่ 13 ส.ค.2564 โดยจีนให้เหตุผลว่าลำไยที่ส่งออกจากบริษัทของไทย ไม่ได้มาตรฐาน มีการตรวจพบเพลี้ยแป้งในลำไย ซึ่งถือเป็นผลกระทบอย่างหนัก เพราะภาคเอกชนไม่ได้มีการเตรียมตัวมาล่วงหน้า และภาครัฐไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที
         
นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า กรมฯ จะเพิ่มความเข้มงวดการสุ่มตรวจล้ง 66 แห่งจาก 3% เป็น 5-10% โดยในวันที่ 13 ส.ค. จะหารือกับผู้ประกอบการล้งในจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน  37 แห่งก่อน เพื่อวางมาตรการร่วมกัน และจะต่อรองขอให้จีนอนุญาตเฉพาะล้งที่มีการตรวจพบการปนเปื้อนน้อย ส่งลำไยได้ก่อน โดยจะเพิ่มความเข้มงวดการตรวจสอบให้มากขึ้น ซึ่งใน จ.เชียงใหม่ แยกเป็นล้งที่พบการปนเปื้อนมาก 10 แห่ง ที่เหลือ 27 แห่งปนเปื้อนน้อย และเมื่อได้ข้อสรุป จะเสนอให้จีนพิจารณาต่อไป  

ปัจจุบัน ลำไยภาคเหนือในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย มีผลผลิตรวมกัน 88% ของลำไยทั้งหมด กำลังออกสู่ตลาด และเริ่มมีปัญหาด้านราคา เพราะผู้ส่งออกไม่ได้รับคำสั่งซื้อจากตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดหลัก ทำให้ชะลอการรับซื้อ คู่แข่งอย่างเวียดนาม มีผลผลิตเพิ่มขึ้น จึงชะลอนำเข้าลำไยจากไทย เพื่อนำไปอบแห้ง และยังมีปัญหาแรงงานเก็บลำไย ที่ขาดแคลนจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ราคาตกลงอย่างต่อเนื่อง และหากมีปัญหาจีนห้ามนำเข้าอีก ก็จะยิ่งกระทบมากขึ้น
         
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในได้เดินหน้ามาตรการช่วยเหลือ ตั้งเป้าดูดซับผลผลิตออกจากตลาดปริมาณ 80,000 ตัน ด้วยการช่วยค่าบริหารจัดการกิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาท ในการรับซื้อลำไยของ 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย แพร่ น่าน และพะเยา การดึงห้างช่วยซื้อลำไย การช่วยสนับสนุนเงินเพื่อกระตุ้นการส่งออก กก.ละ 5 บาท การช่วยสภาพคล่องให้สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ และจัดกิจกรรมกระตุ้นการบริโภค นำจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้า รถโมบาย ดึงปั๊มน้ำมัน ปตท. บางจาก พีที เปิดพื้นที่ให้เกษตรกรขายผลผลิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad