สภาอุตสาหกรรมฯ เตรียมติดปีกธุรกิจให้กับสมาชิก SMEs / Startups - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2564

สภาอุตสาหกรรมฯ เตรียมติดปีกธุรกิจให้กับสมาชิก SMEs / Startups


สภาอุตสาหกรรมฯ เตรียมติดปีกธุรกิจให้กับสมาชิก SMEs / Startups

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเคพีเอ็มจี ประเทศไทย ภายใต้งานสัมมนา LiVE Exchange “ทางเลือกใหม่ของ SMEs และ Startups ไทยในตลาดทุน”

 วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม 2564 นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และนายเจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเคพีเอ็มจี ประเทศไทย ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อจัดทำหลักสูตรบ่มเพาะผู้ประกอบการที่เป็นสมาชิก โดยเฉพาะ SMEs และ Startups ที่มีศักยภาพและต้องการระดมทุนในตลาดทุนผ่าน “LiVE Exchange” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแหล่งเงินทุนทางเลือกสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตขึ้น โดยมีนายปรีชา ส่งวัฒนา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมในการระดมทุนให้กับสมาชิก ส.อ.ท. และ ดร.บุญกิต จิตรงามปลั่ง รองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมการเสวนาหัวข้อ “LiVE Exchange : Alternative for Future Change” กับผู้บริหารจาก mai และ ซันสวีท ผ่านระบบ Virtual Conference

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “การส่งเสริมสมาชิกให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในรูปแบบต่างๆ เป็นภารกิจที่สำคัญที่สภาอุตสาหกรรมฯ ดำเนินการมาโดยตลอด สำหรับการระดมทุนในตลาดทุนเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สมาชิกให้ความสนใจ ซึ่งที่ผ่านมา การระดมทุนในตลาดทุนผ่าน SET และ mai ค่อนข้างยากสำหรับธุรกิจ SMEs และ Startups แต่ด้วยการพัฒนาตลาดหลักทรัพย์สำหรับ SMEs และ Startups หรือ LiVE Exchange ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ก.ล.ต. อยู่ระหว่างพัฒนากฎเกณฑ์และระบบงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการ SMEs และ Startups สามารถเข้าถึงการระดมทุนได้ง่ายขึ้น ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

อย่างที่ทราบว่าสมาชิกสภาอุตสาหกรรมฯ กว่าร้อยละ 80 เป็นผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงกลุ่ม Startups ใหม่ๆ ที่เริ่มเข้ามาในเครือข่ายของสภาอุตสาหกรรมฯ เอง การพัฒนา LiVE Exchange จะช่วยเปิดโอกาสให้สมาชิกที่มีศักยภาพและพร้อมที่จะขยายธุรกิจให้เติบโต มีแหล่งเงินทุนมารองรับ การจัดทำความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมฯ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และเคพีเอ็มจี ประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับระดับสากล ในครั้งนี้ จะมุ่งเน้นการสนับสนุนการสร้างองค์ความรู้ให้กับสมาชิก โดยอยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบการจัดทำโครงการต่างๆ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และเคพีเอ็มจี ซึ่งหากมีค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมโครงการ สภาอุตสาหกรรมฯ จะมีการกำหนดอัตราพิเศษสำหรับสมาชิก รวมถึงจะได้จัดหางบประมาณมาสนับสนุนช่วยเหลือค่าใช้จ่ายดังกล่าวในลำดับต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีสมาชิกสนใจและพร้อมจะพัฒนาเติบโตกว่า 100 บริษัท”

ดร. ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนผ่านกลไกตลาดทุนของผู้ประกอบการทุกขนาด เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs และ Startups ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. พัฒนากฎเกณฑ์รองรับการระดมทุนในวงกว้าง (IPO) และเตรียมจัดตั้งตลาดรองสำหรับ SMEs และ Startups หรือ LiVE Exchange เพื่อเพิ่มช่องทางการระดมทุนสำหรับผู้ประกอบการและเพิ่มทางเลือกการลงทุนให้กับผู้ลงทุน โดยการพัฒนา LiVE Exchange ใช้แนวคิด Light-touch supervision โดยปรับกฎเกณฑ์ ที่เกี่ยวข้องให้เหมาะสม เพื่อให้ SMEs และ Startups เข้าถึงแหล่งเงินทุนในตลาดทุนได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริการ LiVE Exchange ได้ภายในสิ้นปี 2564

นอกจากนี้ เพื่อให้ SMEs และ Startups มีความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุน กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เปิดบริการ LiVE Platform โดยร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนกว่า 25 ราย พัฒนาองค์ความรู้ และบริการต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ อาทิ การเรียนรู้ผ่าน e-Learning บริการ Business Coaching เป็นต้น ความร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และเคพีเอ็มจี ประเทศไทย ครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมของผู้ประกอบการ SMEs และ Startups ที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมฯ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งต่อยอดบริการบน LiVE Platform ให้ครอบคลุมความต้องการของผู้ประกอบการ SMEs / Startups ได้มากยิ่งขึ้น”

นายเจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเคพีเอ็มจี ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมและเคพีเอ็มจี ประเทศไทยรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและสนับสนุนการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ SMEs และกลุ่ม Startups ให้มีศักยภาพและความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดทุน เพราะกลุ่มธุรกิจเหล่านี้มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย เคพีเอ็มจี ประเทศไทย มีประสบการณ์ ความเข้าใจ และความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ รวมทั้งการบริหารจัดการปัญหาและอุปสรรคของผู้ประกอบการ ทั้งในด้านการขยายธุรกิจและการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเป็นอย่างดี โดยเแต่ละองค์กรต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ให้ครบถ้วนและวิเคราะห์เชิงลึก ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยด้านดำเนินธุรกิจ การเงิน การบัญชี ข้อบังคับทางกฎหมายและภาษี เคพีเอ็มจี ประเทศไทย ในฐานะผู้ให้บริการด้านสอบบัญชี ภาษี กฎหมายและที่ปรึกษาธุรกิจ มีความพร้อม มีผู้เชี่ยวชาญ และมีเครือข่ายเข้าถึงความรู้ เทคโนโลยี และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เราพร้อมที่จะสนับสนุนในการร่วมยกระดับกลุ่มธุรกิจ SMEs และกลุ่ม Startups โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดทำโปรแกรมบ่มเพาะที่ได้รวบรวมความรู้ที่จำเป็น และจัดทำเป็นหลักสูตรเฉพาะให้กับ SMEs และ Startups โดยเคพีเอ็มจี ประเทศไทย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือครั้งสำคัญนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาและสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยได้อย่างยั่งยืน”

ทั้งนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ เคพีเอ็มจี ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุน ส่งเสริมและพัฒนา SMEs และ Startups ให้เติบโดอย่างยั่งยืนผ่านกลไกตลาดทุน และขอเชิญสมาชิกสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและผู้ประกอบการ SMEs ที่สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน ส.อ.ท. หมายเลข 1453 หรือสอบถามที่สถาบัน SMI โทรศัพท์ 02-345-1118, 02-345-1188, 02-345-1093

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad