ส่งออกก.ย.64 ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เพิ่ม 17.1% ยอดรวม 9 เดือนยังแรง บวก 15.5% - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ส่งออกก.ย.64 ฝ่าวิกฤตโควิด-19 เพิ่ม 17.1% ยอดรวม 9 เดือนยังแรง บวก 15.5%

img

ส่งออกก.ย.64 ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ทำได้มูลค่า 23,036 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.1% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ส่วนยอดรวม 9 เดือน มีมูลค่า 199,997.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.5% ระบุสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร และอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เผยสินค้าโตแรง ยางพารา ลำไยสด มะม่วง มันสำปะหลัง ผลไม้กระป๋อง อาหารสัตว์ สินค้าเกี่ยวเนื่องน้ำมัน เหล็ก เครื่องจักร และรถยนต์     
         
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนก.ย.2564 มีมูลค่า 23,036 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.1% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 นับตั้งแต่มี.ค.2564 การนำเข้ามีมูลค่า 22,426.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.3% เกินดุลการค้ามูลค่า 609.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และยอดส่งออกรวม 9 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 199,997.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.5% การนำเข้ามีมูลค่า 197,980.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 30.9% เกินดุลการค้า 2,016.8 ล้านเหรียญสหรัฐ
         
ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในเดือนก.ย.2564 เพิ่มขึ้น 17.1% แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ที่กระทบต่อภาคการผลิตและโลจิสติกส์ในช่วงล็อกดาวน์ เป็นเพราะแผนส่งเสริมการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง ที่มี 130 กิจกรรม ทำได้บรรลุผล มีการทำงานร่วมกันระหว่างพาณิชย์ เอกชน และส่วนราชการอื่น ในการเปิดตลาดใหม่ เช่น ตะวันออกกลาง แอฟริกา ลาตินอเมริกา และการแก้ปัญหาส่งออก เช่น การขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ การแก้ปัญหาการส่งออกผ่านด่านไปเวียดนามและไปจีน และมีการเร่งรัดเปิดด่านชายแดนได้สำเร็จ

ขณะที่การค้าโลกดีขึ้น ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น โดยองค์การการค้าโลก (WTO) คาดเพิ่มขึ้นจาก 8% เป็น 10.8% ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้น รวมทั้งเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้สินค้าไทยแข่งขันได้ดีขึ้น ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ที่มีมุมลบทำให้ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น แต่ก็ส่งผลดีต่อสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันเพิ่มขึ้น และที่สำคัญ ศักยภาพของภาคเอกชนไทยเข้มแข็ง ภาคการผลิตฟื้นตัวเร็ว แม้เจอล็อกดาวน์ และโควิด-19 ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขนำเข้าวัตถุดิบและสินค้าทุนที่เป็นบวก 30.3% มีส่วนทำให้ผลิตสินค้าส่งออกไปได้ต่อเนื่องไม่สะดุด
        
นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับรายละเอียดการส่งออกในเดือนก.ย.2564 สินค้าเกษตร ส่งออกเพิ่มขึ้น 12.9% โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น ยางพารา เพิ่ม 83.6% เป็นบวก 12 เดือนต่อเนื่อง และบวกในทุกตลาด เช่น จีน มาเลเซีย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น ลำไยสด เพิ่ม 73.8% เป็นบวกทุกตลาด 4 เดือนต่อเนื่อง ทั้งจีน อินโดนีเซีย เวียดนาม และฮ่องกง มะม่วงสด เพิ่ม 55.9% บวกทั้งในตลาดเกาหลี มาเลเซีย ญี่ปุ่น และเมียนมา มันสำปะหลัง เพิ่ม 44.4% บวกในหลายตลาด ซึ่งหลายคนเข้าใจว่ามันสำปะหลังพึ่งแต่ตลาดจีนเป็นหลัก แต่มีตลาดอื่น ๆ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินโดนีเซีย และเกาหลี เป็นต้น
         
ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร เพิ่ม 11.3% สินค้าสำคัญที่ส่งออกเพิ่ม เช่น ผลไม้กระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 29.3% โดยเฉพาะสับปะรดกระป๋อง เพิ่ม 118.3% ผลไม้รวมกระป๋อง เพิ่ม 100.6% และมะม่วงกระป๋อง เพิ่ม 60.7% อาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นพระเอกมาโดยตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพิ่ม 23.6% เป็นบวก 25 เดือนต่อเนื่อง ทั้งในตลาดสหรัฐฯ มาเลเซีย ออสเตรเลีย อิตาลี ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
         
ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 15.8% สินค้าที่ขยายตัวดี ได้แก่ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน เพิ่ม 61% เหล็กและผลิตภัณฑ์จากเหล็ก เพิ่ม 38.8% เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่ม 32.8% รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 4.9% เป็นบวก 11 เดือนต่อเนื่อง  
         
ทางด้านตลาดส่งออก ตลาดหลัก เพิ่ม 18.1% โดยสหรัฐ เพิ่ม 20.2% จีน เพิ่ม 23.3% ญี่ปุ่น เพิ่ม 13.2%  อาเซียน (5 ประเทศ) เพิ่ม 25.7% CLMV เพิ่ม 8.2% และสหภาพยุโรป (27 ประเทศ) เพิ่ม 12.6 ตลาดรอง เพิ่ม 21.8% โดยเอเชียใต้ เพิ่ม 69.0% ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 3.0% ตะวันออกกลาง เพิ่ม 17.4% ทวีปแอฟริกา เพิ่ม 30.2% ลาตินอเมริกา เพิ่ม 10.1% และรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS เพิ่ม 42.5 และตลาดอื่น ๆ หดตัว 65.5% ซึ่งหลายตลาดเป็นตลาดใหม่ที่เป็นเป้าหมายที่กรอ.พาณิชย์ ได้ประชุมร่วมกันและเห็นว่าจะต้องเร่งผลักดันการส่งออก และทำได้ดีจนส่งออกดีขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad