สับปะรดจีเอ็มโอสีชมพู ลักลอบเข้ามาไทย ร้องเรียนกว่า 9 เดือน ผลไม้เถื่อนยังทะลัก
สภาองค์กรของผู้บริโภค เรียกร้องภาครัฐ จัดการปัญหาลักลอบนำเข้าผั กผลไม้จีเอ็มโอ โดยเฉพาะสับปะรดสีชมพู หวั่นปนเปื้อนพืชพื้นถิ่น กระทบการส่งออกผลไม้ และความปลอดภัยผู้บริโภค วันนี้ (1 มิถุนายน 2565) ปรกชล อู๋ทรัพย์ อนุกรรมการด้านอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สุขภาพ สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า สภาฯ ได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้บริโภคว่ าพบการเผยแพร่โฆษณาจำหน่ายสั บปะรดที่มีเนื้อสีชมพูบนสื่อสั งคมออนไลน์ โดยผลไม้ดังกล่าวเป็นผลไม้ที่ผ่ านการดัดแปรพันธุกรรม หรือที่เรียกว่าผลไม้จีเอ็มโอ (Genetically Modified Organisms : GMOs) ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้ ามในประเทศไทย สภาองค์กรของผู้บริโภค จึงเร่งรัดไปยังหน่วยงานที่เกี่ ยวข้องให้เร่งดำเนินการเพื่อป้ องกันการแพร่กระจายของสับปะรดจี เอ็มโอในประเทศไทย เร่งออกประกาศเรื่องผลิตภัณฑ์จี เอ็มโอรวมถึงฉลากจีเอ็มโอ และร่วมกันเฝ้าระวังการโฆษณาผลิ ตภัณฑ์จีเอ็มโอบนสื่อสั งคมออนไลน์ ก่อนที่พืชผักผลไม้จีเอ็ นโอจะปนเปื้อนพืชท้องถิ่นสร้ างปัญหาการปนเปื้อน การส่งออก และผลกระทบต่อผู้บริโภค
ด้าน มลฤดี โพธิ์อินทร์ ผู้ช่วยเลขานุการอนุกรรมการฯ ระบุว่า ได้มีการร้องเรียนหน่วยงานภาครั ฐจากการพบการนำเข้าสับปะรดสี ชมพูกว่า 9 เดือนที่แล้ว แต่ยังมีการทะลักเข้ามาของผลไม้ ชนิดนี้อย่างไม่ขาดสาย สับปะรดดังกล่าวใช้ชื่อการค้าว่ า Pinkglow® pineapple ซึ่งเป็นของบริษัท DEL MONTE ประเทศคอสตาริกา โดยพัฒนาพันธุ์สับปะรดให้มีเนื้ อสีชมพูด้วยกระบวนการดัดแปรพั นธุกรรม (Genetically Modified Pineapple) ที่มีการประกาศขายออนไลน์ ในประเทศไทย สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงได้ ทำหนังสือสอบถามเกี่ยวกับประเด็ นการควบคุมและกำกับดูแลไปยัง 2 หน่วยงาน คือ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2564 โดยได้รับหนังสือตอบจากสำนั กงานมาตรฐานสินค้ าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) เมื่อวันที 4 พฤศจิกายน 2564 ว่า การนำเข้าสับปะรดสีชมพูที่มี การดัดแปรพันธุกรรมเพื่อจำหน่ ายในประเทศอยู่ภายใต้การควบคุ มตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 ซึ่งกำกับโดยสำนั กงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในขณะที่ อย. ตอบกลับเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2564 ว่า การกำกับดูแลการนำเข้าสับปะรดที่ มีการดัดแปรพันธุกรรม อยู่ภายใต้ประกาศตามพระราชบัญญั ติกักพืช พ.ศ. 2507 (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2553 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
มลฤดี ระบุอีกว่า เมื่อได้รับคำตอบที่ไม่เป็ นไปในทิศทางเดียวกัน และไม่สามารถสรุปได้ว่าหน่ วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงได้ ทำหนังสือสอบถามไปยั งกระทรวงสาธารณสุขอีก 2 ครั้ง และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีก 3 จึงได้รับคำตอบว่า กระทรวงสาธารณสุขอยู่ระหว่ างการออกประกาศว่าด้ วยอาหารจากสิ่งมีชีวิตดัดแปรพั นธุกรรม และประกาศฉลากจีเอ็มโอ ในขณะที่คำตอบจาก มกอช. กลับระบุว่า สับปะรดจีเอ็มสีชมพูเป็นสิ่งต้ องห้าม แต่ไม่สามารถใช้อำนาจหน้าที่ ในการตรวจค้นได้ เนื่องจากมีความเสี่ยงจำเป็นต้ องมีหมายค้น สิ่งที่ทำได้ คือ การประสานด่านศุลกากร ด่านตรวจพืช ด่านอาหารและยา เข้มงวดการตรวจสอบ ประสานกระทรวงดิจิทัลเพื่ อเศรษฐกิจและสังคมให้ นำโฆษณาออกจากสื่อ และทำสื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่ ข้อมูลการนำเข้าสับปะรดกั บกฎหมายกักพืช
“ระยะเวลาล่วงเลยมา 9 เดือนแล้ว นับตั้งแต่ครั้งแรกที่สภาองค์ กรของผู้บริโภคทำหนังสือไปถึงทั้ งสองหน่วยงาน แต่ปัจจุบันก็ยังพบว่ามี การขายและรีวิวขายในไทย สะท้อนให้เห็นถึงความล่าช้าในจั ดการ ปัญหาของหน่วยงานรัฐ ซึ่งส่งผลต่อระบบการคุ้มครองผู้ บริโภค ทำให้อาจเกิดความเสี่ยงจากการบริ โภคผลิตภัณฑ์” มลฤดี กล่าว
ขณะที่ รศ.สุรวิช วรรณไกรโรจน์ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า การหลุดรอดของสับปะรดจีเอ็ มจากการลักลอบส่ งออกจากประเทศคอสตาริก้าแล้วลั กลอบนำเข้าประเทศไทยนำเข้ ามาในรูปหน่อพันธุ์ หลังจากการประชาสัมพันธ์คุณสมบั ติของสับปะรดพันธุ์ดังกล่าวว่ ามีกลิ่นและรสดีกว่าสั บปะรดแบบดั้งเดิม โดยองค์กรที่สนับสนุนการใช้จี เอ็มโอ แม้มีเกษตรกรบางส่วนที่ซื้อหน่ อพันธุ์ไปทดลองปลูกแล้วต่ อมาทราบว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงได้ทำลายทิ้งไป แต่เชื่อได้ว่ามีเกษตรกรบางส่ วนที่ซื้อหน่อพันธุ์ไปปลูกในพื้ นที่เกษตรกรรม และมีข่าวว่านักผสมพันธุ์ต้นไม้ ระดับอาจารย์ได้นำไปผสมพันธุ์กั บสับปะรดปกติจนได้ลูกผสมก่ อนทำลายสับปะรดจีเอ็มโอทิ้ง
รศ.สุรวิช กล่าวอีกว่า หากมีสับปะรดจีเอ็มโอปรากฏขึ้นในแปลงผลิตภายในประเทศ น่าจะกระทบกับเกษตรกรชาวสวนสับปะรดส่งโรงงานสับปะรดกระป๋องทันที เพราะโรงงานผู้รับซื้อจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการตรวจรับรองว่าผลิตภัณฑ์ของตนปราศจากสับปะรดจีเอ็มโอ ในทำนองเดียวกับที่เกิดขึ้นกับโรงงานผลิตผลไม้รวมซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการตรวจรับรองว่าผลิตภัณฑ์ของตนปราศจากมะละกอจีเอ็มโอ ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวย่อมถูกส่งต่อมายังเกษตรกร ด้วยการลดราคารับซื้อลง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกษตรกรผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องเดือดร้อนทางเศรษฐกิจจากสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น จึงขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งดำเนินการจัดการปัญหา
รศ.สุรวิช กล่าวอีกว่า หากมีสับปะรดจีเอ็มโอปรากฏขึ้ นในแปลงผลิตภายในประเทศ น่าจะกระทบกับเกษตรกรชาวสวนสั บปะรดส่งโรงงานสับปะรดกระป๋องทั นที เพราะโรงงานผู้รับซื้อจะต้องมี ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการตรวจรั บรองว่าผลิตภัณฑ์ของตนปราศจากสั บปะรดจีเอ็มโอ ในทำนองเดียวกับที่เกิดขึ้นกั บโรงงานผลิตผลไม้รวมซึ่งมีค่ าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการตรวจรั บรองว่าผลิตภัณฑ์ ของตนปราศจากมะละกอจีเอ็มโอ ซึ่งภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าวย่ อมถูกส่งต่อมายังเกษตรกร ด้วยการลดราคารับซื้อลง ดังนั้น เพื่อไม่ให้เกษตรกรผู้บริสุทธิ์ ไม่ต้องเดือดร้อนทางเศรษฐกิ จจากสิ่งที่ตนเองไม่ได้ก่อขึ้น จึงขอให้หน่วยงานที่รับผิ ดชอบเร่งดำเนินการจัดการปัญหา
ส่วน วิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี กล่าวว่า หากปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้ าและปลูกในวงกว้าง ในระยะยาวอาจส่งผลกระทบกับการส่ งออกของอุตสาหกรรมผลไม้ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ของประเทศ และเพิ่มภาระต้นทุ นการตรวจสอบของภาคเอกชน จากบทเรียนปัญหาการปนเปื้ อนทางพันธุกรรมของมะละกอ
จีเอ็มโอเมื่อปี 2556 ที่ทำให้การส่งออกลดลง 4 - 5 เท่า เนื่องจากประเทศคู่ค้า เช่น สหภาพยุโรปไม่ยอมรับพืชจีเอ็มโอ “อยากสื่อสารถึง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่ าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าท่านได้ตระหนักถึงเรื่ องการนำเข้าสับปะรดจีเอ็มโอนี้ มากน้อยเพียงใด เนื่องจากท่านมาจากพื้นที่จั งหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ปลูกสั บปะรดมากที่สุดถึง 148,198 ไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 34.95 และยังเป็นพื้นที่ที่มีการแปรรู ปสับปะรดกระป๋องอีกด้วย จึงอยากให้รีบดำเนินการและจั ดการกับการนำเข้าสับปะรดจีเอ็ มโอ เพื่อคุ้มครองเกษตรกรที่ปลูกสั บปะรดกว่า 5 หมื่นครอบครัว รวมถึงอุตสาหกรรมสับปะรดทั้ งระบบ” เลขาธิการมูลนิธิชีววิถี กล่าว
สำหรับข้อเสนอที่สภาองค์กรของผู้ บริโภค มีต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีดังนี้
1) ขอให้กรมวิชาการเกษตรเร่งดำเนิ นการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิ ดการแพร่กระจายของสับปะรดดั ดแปรพันธุกรรมในประเทศ เนื่องจากการควบคุมการปลู กและจำหน่ายสับปะรดจีเอ็มสีชมพู ในไทย เป็นสิ่งต้องห้าม ตามพระราชบัญญัติกักพืช พ.ศ. 2507 โดยกรมวิชาการเกษตรมี อำนาจในการตรวจค้น ยึด อายัด ทำลาย และสั่งไม่ให้นำเข้า ดังนั้น เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ ตามกฎหมาย หากจำเป็นต้องมีหมายค้นเพื่อป้ องกันความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ ก็ควรเร่งดำเนินการเพื่ อออกหมายค้น 2) ขอให้สำนั กงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เร่งออกประกาศว่าด้วยอาหารจากสิ่ งมีชีวิตดัดแปรพันธุกรรม และประกาศฉลากจีเอ็มโอ ตามที่องค์กรของผู้บริ โภคเคยทำข้อเสนอ โดยต้องมีสัญลักษณ์ฉลากจีเอ็ มโอที่ชัดเจน และครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์ 3) ขอให้กระทรวงดิจิทัลเพื่ อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมมือกับกรมวิชาการเกษตร และ อย. สร้างกระบวนการเฝ้าระวังและติ ดตามการโฆษณาในสื่อสังคมออนไลน์ 4) เสนอให้รัฐนำพระราชบัญญัติ ความปลอดภัยทางชีวภาพ ฉบับประชาชน ที่เคยเข้าสภาผู้แทนราษฎรก่อนรั ฐประหาร มาพิจารณาเป็นกฎหมายและบังคั บใช้โดยเร็ว เพื่ออุดช่องว่างปัญหาการลั กลอบนำเข้าผลไม้จีเอ็มโอ ทั้งนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภคจะทำหนั งสือติดตามไปยังหน่วยงานที่เกี่ ยวข้องและจะดำเนิ นการตามอำนาจหน้าที่ของสภาองค์ กรของผู้บริโภคที่กำหนดไว้ ในพระราชบัญญัติการจัดตั้ งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น