"จีเอ็มจี" เปิดร้าน "ไนกี้" สาขาใหม่ในฮ่องกง ลุยตลาดมูลค่า 917.5 ล้านดอลลาร์ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2565

"จีเอ็มจี" เปิดร้าน "ไนกี้" สาขาใหม่ในฮ่องกง ลุยตลาดมูลค่า 917.5 ล้านดอลลาร์


"จีเอ็มจี" เปิดร้าน "ไนกี้" สาขาใหม่ในฮ่องกง ลุยตลาดมูลค่า 917.5 ล้านดอลลาร์

การเปิดร้านใหม่ถือเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดของการรุกลงทุนทั่วเอเชีย ขณะที่จีเอ็มจีเดินหน้าขยายธุรกิจกีฬาในตลาดต่าง ๆ ทั่วโลก

ฮ่องกง--14 มิถุนายน 2565--พีอาร์นิวส์ไวร์/อินโฟเควสท์

จีเอ็มจี (GMGบริษัทด้านการส่งเสริมสุขภาวะระดับโลก ซึ่งดำเนินการผลิต จัดจำหน่าย และขายปลีกสินค้าให้กับแบรนด์ระดับสากลและแบรนด์ในประเทศ ครอบคลุมทั้งหมวดกีฬา อาหาร และสุขภาพ ประกาศเปิดคอนเซปต์สโตร์ของไนกี้ (Nike) สาขาใหม่ล่าสุดในฮ่องกง ในห้างสรรพสินค้าอีสต์พอยต์ซิตี (East Point City) ในย่านหังเถา ซึ่งถือเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในเอเชียครั้งล่าสุดของจีเอ็มจี อีกทั้งยังเป็นการรุกตลาดที่มีศักยภาพมหาศาลและคว้าโอกาสจากเทรนด์สุขภาพส่วนบุคคลที่กำลังได้รับความนิยมในภูมิภาคนี้

ร้านไนกี้สาขาใหม่ล่าสุดในฮ่องกงมีพื้นที่กว่า 2,171 ตารางฟุต มีทั้งเสื้อผ้ากีฬาสำหรับผู้ชายและผู้หญิง ครอบคลุมทั้งกีฬาวิ่ง เทรนนิง และบาสเกตบอล

รายงานของสตาทิสตา (Statista) คาดการณ์ว่า ธุรกิจกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้งของฮ่องกงจะมีรายได้แตะ 917.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 เนื่องจากเสื้อผ้าลำลองเป็นที่ต้องการมากขึ้น และยังมีแนวโน้มเติบโต 17.99% ต่อปี ส่งผลให้มูลค่าตลาดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1,507 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 ส่วนจำนวนผู้บริโภคในธุรกิจกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้งคาดว่าจะแตะ 2.3 ล้านคนภายในสามปีข้างหน้า

คุณโมฮัมหมัด เอ. เบเกอร์ (Mohammad A. Baker) รองประธานและซีอีโอของจีเอ็มจี กล่าวว่า "เอเชียกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการค้าปลีกไปข้างหน้า โดยมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมในระดับโลก พร้อมนำเสนอโอกาสในการขยายธุรกิจและศักยภาพมากมายมหาศาลให้แก่จีเอ็มจี การเปิดร้านไนกี้สาขาใหม่ในตลาดสำคัญอย่างฮ่องกง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ถือเป็นการตอกย้ำว่าเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหลังโควิด ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้เราได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งของการค้าปลีกแบบมีหน้าร้านในภูมิภาคเอเชีย และช่วยสนับสนุนให้ผู้คนมากมายได้ใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดี"

จีเอ็มจีมีประวัติยาวนานในการเป็นพันธมิตรกับไนกี้ โดยในปี 2525 ได้มีการลงนามข้อตกลงเพื่อนำผลิตภัณฑ์ไนกี้มาสู่ตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จากนั้นได้มีการจัดจำหน่ายและขายปลีกผลิตภัณฑ์ไนกี้ทั่วกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับการขยายตัวของบริษัท หลังจากวางรากฐานที่แข็งแกร่งในตะวันออกกลางแล้ว จีเอ็มจีได้รุกเข้าสู่ตลาดเอเชียในปี 2563 ผ่านการเข้าซื้อกิจการบริษัท รอยัล สปอร์ติง เฮาส์ (Royal Sporting House) ผู้ค้าปลีกสินค้ากีฬาแบบมัลติแบรนด์ชั้นนำ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้เข้าซื้อร้านไนกี้หลายสาขาจากบริษัท เอสยูทีแอล คอร์ปอเรชัน (SUTL Corporation) เพื่อขยายธุรกิจในสิงคโปร์และมาเลเซีย พร้อมกับเสริมแกร่งสถานะในภูมิภาคเอเชีย ปัจจุบัน จีเอ็มจีมีร้านไนกี้ 25 สาขาในเอเชีย และการเปิดสาขาใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าอีสต์พอยต์ซิตีก็ส่งผลให้บริษัทมีร้านไนกี้ 11 สาขาในฮ่องกง

จีเอ็มจีนำเสนอสินค้ากว่า 120 แบรนด์ในตลาดต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมไลฟ์สไตล์ที่กระฉับกระเฉงและมีสุขภาพดีมากขึ้นผ่าน กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ จีเอ็มจี สปอร์ตส์ (GMG Sports), จีเอ็มจี ฟู้ด (GMG Food), จีเอ็มจี เฮลท์ (GMG Health) และจีเอ็มจี คอนซูเมอร์ กู้ดส์ (GMG Consumer Goods) ซึ่งธุรกิจเหล่านี้อยู่ภายใต้วิสัยทัศน์ที่มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลาง โดยมีเป้าหมายในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเอาชนะตนเองเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม

เกี่ยวกับจีเอ็มจี

จีเอ็มจี (GMGคือบริษัทด้านการส่งเสริมสุขภาวะระดับโลก ซึ่งมีวิสัยทัศน์ในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนเอาชนะตนเองเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม บริษัทดำเนินการผลิต จัดจำหน่าย และขายปลีกสินค้าให้กับแบรนด์ระดับสากลและแบรนด์ในประเทศ ครอบคลุมทั้งหมวดกีฬา อาหาร และสุขภาพ โดยลงทุนใน กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ จีเอ็มจี สปอร์ตส์จีเอ็มจี ฟู้ดจีเอ็มจี เฮลท์ และจีเอ็มจี คอนซูเมอร์ กู้ดส์

ในปี 2563 จีเอ็มจีได้เข้าซื้อกิจการบริษัท รอยัล สปอร์ติง เฮาส์ (Royal Sporting House) ผู้ค้าปลีกสินค้ากีฬาแบบมัลติแบรนด์ชั้นนำในสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อขยายธุรกิจสู่ตลาดสำคัญในภูมิภาคเอเชียที่มีฐานลูกค้ามากถึง 700 ล้านคน ต่อมาในปี 2565 จีเอ็มจีได้ขยายธุรกิจในเอเชียอีกครั้งด้วยการเข้าซื้อร้านไนกี้หลายสาขาจากบริษัท เอสยูทีแอล คอร์ปอเรชัน (SUTL Corporation)

ภายใต้การครอบครองและการบริหารของครอบครัวเบเกอร์ จีเอ็มจีได้ก้าวขึ้นเป็นบริษัทแถวหน้าในระดับโลก โดยร่วมมือกับแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับมากที่สุดทั่วโลก บริษัทนำเสนอสินค้ากว่า 120 แบรนด์ในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และเอเชีย ซึ่งรวมถึงแบรนด์ระดับโลกอย่างไนกี้ (Nike) อันเดอร์ อาร์เมอร์ (Under Armour) และทิมเบอร์แลนด์ (Timberland)

เยี่ยมชมเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเราเพื่อติดตามข่าวสารล่าสุดได้ที่        

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad