AH คว้างานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าค่าย Vinfast
มั่นใจทั้งปี 65 รายได้โตตามแผน 30%
AH โชว์ฟอร์มสวย Q2/65 รายได้รวม 6,345 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.5%
และกำไรสุทธิหลัก 281 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
อานิสงส์ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์โต
ส่องครึ่งปีหลังโตดีกว่าครึ่งปีแรก รับธุรกิจหลักฟื้นตัว
อุตสาหกรรมยานยนต์เด่น-ออเดอร์โต ดันยอดผลิตพุ่ง
เล็งเปิดโชว์รูมรถที่มาเลเซีย อีก 1 แห่ง ล่าสุด
ลงขันตั้งบริษัทร่วมทุนกับพูเรม พันธมิตรเยอรมัน
สร้างฐานลุยผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในไทย มั่นใจปี 65 ผลงานดีสุด รายได้โต 30%
ตามแผน
นายเย็บ ซู ชวน
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด
(มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์
ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย
และธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things)
เปิดเผยถึง บริษัทมีรายได้รวม 6,345ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 1,367
ล้านบาท หรือเติบโต 27.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่
4,978 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลัก 281ล้านบาท หรือเติบโต 35.2%
จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิหลัก 208 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการครึ่งแรกปี
65 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 13,157 ล้านบาท
ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 10,717 ล้านบาท จำนวน
2,440 ล้านบาท หรือ 22.8% และมีกำไรสุทธิหลัก 687 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิหลัก 516 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 33.1%
ทั้งนี้ผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่น
มีปัจจัยสนับสนุนมาจาก
ปัญหาการขาดแคลนไมโครชิปคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
การเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อของลูกค้าหลัก
รวมถึงการเริ่มผลิตชิ้นส่วนใหม่ในเดือนมี.ค.
ประกอบกับธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ฟื้นตัวได้ดี
ตามอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาวะเศรษฐกิจที่ขยายตัวต่อเนื่อง
ส่วนธุรกิจเทคโนโลยีและการเชื่อมต่อ IoT ยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง
อีกทั้งบริษัทมีผลกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนกว่า 129 ล้านบาทเข้ามาเสริม
สำหรับภาพรวมธุรกิจในครึ่งหลังปี
65 คาดว่าดีกว่าครึ่งปีแรก จากการส่งมอบออเดอร์ให้แก่ลูกค้าต่อเนื่อง
สอดคล้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ฟื้นตัวขึ้น
โดยปีนี้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
ที่คาดการณ์ยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยจะอยู่ที่ 1.8 ล้านคัน
ด้านธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์
ในประเทศไทยได้เปิดโชว์รูมรถยนต์ Mazda และ MG ในเดือนต.ค. 64
และเดือนธ.ค. 64
สำหรับประเทศมาเลเซียความต้องการรถยนต์สูงขึ้นโดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากมาตรการยกเว้นภาษีการขายและบริการ
(SST) ของภาครัฐที่จะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย. 65 โดยในช่วงเดือนต.ค. 65
บริษัทเตรียมเปิดเป็นโชว์รูมรถยี่ห้อ PROTON ที่มาเลเซีย
เพิ่มเติมขณะที่ปัญหาขาดแคลนไมโครชิปทั่วโลก (Chip Shortage)
สถานการณ์ดังกล่าวยังคงเกิดขึ้นอยู่ แต่เริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว
และคาดว่าจะค่อย ๆ ดีขึ้นจนกลับสู่ภาวะปกติได้ในปี 66
ส่วนในประเทศจีน
อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาปกติแล้วทำให้ออเดอร์ต่างๆ กลับเข้ามา
ภายหลังจากปิดไลน์การผลิตไปช่วงเดือนเม.ย. 65 ที่ผ่านมา
และสามารถกลับมาเปิดไลน์ผลิตได้ปกติแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพ.ค. 65
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากประเทศจีน 5%
ซึ่งบริษัทพยายามเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้มากขึ้นต่อไป
ขณะเดียวกัน
เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและโอกาสการเติบทางธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกในประเทศไทย
ล่าสุด AH จัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Purem International GmbH (พูเรม)
ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนา การผลิต
และผู้จำหน่ายระบบยานยนต์ระดับโลก
ที่มีความสามารถในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิต
รวมถึงมีโรงงานการผลิตทั่วโลก
พูเรมดำเนินธุรกิจหลักในการผลิตระบบควบคุมการปล่อยไอเสียและส่วนประกอบที่เกี่ยวข้อง
สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล
และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล
รวมถึงระบบควบคุมสภาพอากาศของรถยนต์ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก
โดยตั้งชื่อบริษัทร่วมทุน
เป็น บริษัท พูเรม อาปิโก จำกัด มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ไม่เกิน 220
ล้านบาท โดย Purem International GmbH ถือหุ้น 51% และ AH ถือหุ้น 49%
ซึ่งสัดส่วนเงินลงทุนของ AH อยู่ที่ไม่เกิน 107.80 ล้านบาท
สำหรับเป้าหมายรายได้ในปี
65 บริษัทมั่นใจว่ารายได้รวมเติบโตอยู่ที่ 30% ตามแผน เมื่อเทียบกับปี 64
ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 20,967 ล้านบาท และปีนี้ถือเป็นปีที่เติบโตดีที่สุด
ภายใต้กลยุทธ์เสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานท่ามกลางวิกฤตต่างๆ
และปรับตัวและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว
พร้อมทั้งมองหาโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น