วิศวศึกษาเอเชียแปซิฟิก มุ่งยกระดับหลักสูตร...สร้างวิ ศวกรให้ตรงความต้องการพั ฒนาประเทศ และการเรียนรู้ตลอดชีวิ ตของประชากรทุกช่วงวัย
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ สภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่ งประเทศไทย และสมาคมวิศวศึกษาในเอเชียตะวั นออก-ตะวันออกเฉียงใต้และเอเซี ยแปซิฟิก ( Association for Engineering Education in Southeast and East Asia and the Pacific: AEESEAP) จัดงานประชุมซัมมิทผู้นำวิศวศึ กษา และงานประชุมวิศวศึกษาแห่งภูมิ ภาคเอเชียแปซิฟิก ( AEESEAP Annual Summit 2022 and Asia Pacific Engineering Education Symposium 2022) ณ โรงแรมแมริออท กรุงเทพฯ สุขุมวิท และผ่านระบบออนไลน์ เดินหน้ายกระดับคุณภาพวิศวศึ กษาสู่ระดับโลก สร้างวิศวกรที่ตรงความต้ องการของผู้ใช้และผู้เรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิ ตของประชากรทุกช่วงวัย
ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. ประธานเปิดงาน กล่าวว่า ประเทศไทยพัฒนาเศรษฐกิจสู่ Thailand 4.0 โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ วิศวกรรม เทคโนโลยี นวัตกรรม และการวิจัย มุ่งเน้น 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ของไทยบนแนวท าง Bio-Circular-Green Economy ได้แก่ ยานยนต์สมัยใหม่ , อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ , การแพทย์และการท่องเที่ยวเพื่ อสุขภาพ , การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ , อาหารเพื่ออนาคต , วิทยาการหุ่นยนต์ , การบินและการขนส่ง , เชื้อเพลิงชีวภาพและชีวเคมี, อุตสาหกรรมดิจิทัล, ศูนย์การแพทย์ครบวงจร, อุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และอุตสาหกรรมการพัฒนาบุคลากร- การศึกษา
ปัจจุบันประเทศไทยต้องการวิ ศวกรและบุคลากรจำนวนมากเพื่อสนั บสนุนการคิดค้นนวัตกรรมและรองรั บความเติบโตของอุตสาหกรรมเป้ าหมาย วิศวศึกษา ( Engineering Education) จึงต้องปรับเปลี่ ยนบทบาทและภารกิจเพื่อสร้างทั กษะความสามารถและความพร้อมให้กั บเยาวชนคนรุ่นใหม่และคนทำงาน ดังนั้นงานประชุม AEESEAP 2022 นับเป็นการผนึกกำลั งของไทยและประชาคมเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะเป็นโยชน์ต่อการยกระดั บการศึกษาระดับอุดมศึ กษาของประเทศไทยและภูมิภาคเอเซี ย ตัวอย่างความสำเร็จของมหาวิ ทยาลัยมหิดล โดยคณะวิศวะมหิดล ที่ได้รับการรับรองระดับสากลจาก ABET สหรัฐอเมริกา ถึง 6 หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ จะเป็นโมเดลถ่ายทอดประสบการณ์ นำพามหาวิทยาลัยอื่น ๆ ของไทยได้ก้าวไปด้วยกัน
รศ.ดร.จักรกฤษณ์ ศุทธากรณ์ ประธานสมาคมวิศวศึกษาในเอเชี ยตะวันออก-ตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียแปซิฟิก ( AEESEAP) และ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.มหิดล ในฐานะประธานจัดงาน กล่าวว่า ประชาคมภูมิภาคเอเชียครอบคลุ มกว่า 30 ประเทศ สมาคม AEESEAP ซึ่งก่อตั้งในปี 1973 จากการประชุม UNESCO ที่ให้ความสำคัญต่อบทบาทของวิ ศวศึกษา ( Engineering Education) ในการสร้างสรรค์ความเจริญก้ าวหน้าและความยั่งยืน บทบาทของสมาคมฯ ตลอดระยะเวลา 49 ปี มุ่งส่งเสริมการพัฒนาวิศวศึ กษาของเอเชียให้ก้าวทั นโลกและตอบโจทย์การเปลี่ ยนแปลงของเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม วัตถุประสงค์การจัดประชุม AEESEAP 2022 นี้ เพื่อส่งเสริมการศึกษาทางด้านวิ ศวกรรมศาสตร์ เป็นเวทีแลกเปลี่ยน ถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ และศาสตร์ทางด้านวิศวกรรม รวมถึงประมวลองค์ความรู้ใหม่ๆ ตอบโจทย์การบ่มเพาะบุคคลากรที่ ตรงตามความต้องการด้ านความสามารถทางวิศวกรรมศาสตร์ ในการพัฒนาประเทศและภูมิ ภาคโลกร่วมกัน ตลอดจนสร้างเสริมเครือข่ ายความร่วมมือทางวิชาการในระดั บภูมิภาคเอเชีย โดยมีวิทยากรจากนานาประเทศ พร้อมด้วยคณะกรรมการ AEESEAP จากออสเตรเลีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย เข้าร่วมงาน
ในงานประชุม AEESEAP 2022 ทางประเทศออสเตรเลีย เกาหลี ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้เห็ นถึงตัวอย่างของ ความร่วมมือระหว่างภาควิชาการกั บภาคอุตสาหกรรม ปัจจัยสู่ความสำเร็จที่ทำให้ การพัฒนาวิศวศึกษา และบ่มเพาะวิศวกรก้าวหน้าและมี ประสิทธิภาพ หลังวิกฤติโควิด-19 โลกยุคใหม่ที่เทคโนโลยีพลิกผั นรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Ai, บล็อคเชน , Big Data, IoT, หุ่นยนต์และระบบออโตเมชั่น , โดรน , VR/AR เชื่อมต่อกัน เราจึงต้องโฟกัสที่ “ผู้ใช้ ” คือ ภาคอุตสาหกรรม และ “ผู้เรียน ” คือ นักศึกษาใหม่และคนทำงาน ความท้าทายของวิศวศึกษา คือ เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปเร็ว ธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ จึงต้องการวิศวกรที่มีคุณภาพ ความสามารถในทักษะทั้งด้านวิ ศวกรรมและ Soft Skills ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา ผ่าฟันอุปสรรค นับเป็นคุณค่าแก่การเรียนรู้ และเรียนลัดของประเทศต่าง ๆในการพัฒนาบุคคลากรสร้างวิ ศวกรคนรุ่นใหม่
แนวโน้มของวิศวศึกษา ในอนาคต จะมุ่งการเปลี่ยนผ่านสู่ Digital Transformation คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับปริ ญญาน้อยลง โลกคือห้องเรียน ผสมผสานการเรียนการสอนที่ยืดหยุ่ นทั้งแพลตฟอร์ม Tele-Education และห้องเรียน เนื่องจากวิศวศึกษาต้องการการฝึ กฝน ทักษะปฏิบัติและมีการทดลองในห้ องปฏิบัติการ ด้านการพัฒนาหลักสูตรจะเน้ นการต่อยอดนวัตกรรม ความเป็นผู้นำ การประยุกต์ใช้ได้จริง จริยธรรมของวิศวกร บนพื้นฐานวิศวศึกษาที่ยั่งยืน (Sustainibility) หลายประเทศและไทยให้ความสำคัญยิ่ งในการยกระดับวิศวศึกษาสู่ มาตรฐานโลก เช่น ประเทศไทยใช้มาตรฐาน ABET จากสหรัฐอเมริกา ขณะที่อีกหลายประเทศใช้มาตรฐาน Washington Accord ทั้งมีการศึกษาและนำร่อง “ธนาคารหน่วยกิต ” หรือระบบ “Micro Credential” เพื่อการศึกษาตลอดชีวิ ตของประชากรทุกช่วงวัย (Lifelong Learning) ส่วนเทคโนโลยีการศึกษา เป็ นโครงสร้างพื้นฐานของการเรียนรู้ ยุคใหม่ อาทิ การจำลองภาพเพื่อการเรียนรู้ ( Immersive Education) การเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง ( Practise- Based Learning) ควบคู่กับการจัดพื้นที่ให้เมคเก อร์ คนรุ่นใหม่และสตาร์ทอัพ ได้คิดค้ นต่อยอดนวัตกรรม รวมทั้งความร่วมมือด้านห้องปฏิ บัติการข้ามมหาวิทยาลัยและข้ ามประเทศ ตลอดจนพัฒนาเอสเอ็มอีโลกาภิวั ฒน์
สำหรับประเทศไทย การลงทุนในอุตสาหกรรมเป้ าหมายหลั่งไหลเข้ามาสู่ “เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก EEC” ทำให้ความต้องการแรงงานทักษะสู งในระดับต่างๆของ ช่วง 5 ปี (2021 - 2025) ทั้งวิศวกรและบุคคลากรพุ่งสูงถึ ง 564 ,176 คน และ EEC จะเป็นกลไกขับเคลื่อนสำคัญต่ อการเติบโตของประเทศไทย การผนึกกำลังของสมาคม AEEASEAP และสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ แห่งประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิก 64 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ จะทำให้หลักสูตรวิศวศึ กษาและการผลิตบุคลากรทุกระดั บตอบโจทย์ความเป็นจริง เป็นไปในทิศทางสอดคล้องกับการพั ฒนาประเทศ และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
รศ.ดร.ธนภัทร์ วานิชานนท์ รองคณบดีฝ่ายการจัดการทุนมนุษย์ และองค์กรสัมพันธ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึง ความสำเร็จที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ยกระดับ 6 หลักสูตรสู่มาตรฐานโลกโดยได้รั บการรับรองจาก ABET สหรัฐอเมริกา ( Accreditation Board for Engineering and Technology) นั้น ใช้เวลาเตรียมการ 4 ปีเศษ นับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกที่ ได้รับการรับรองมากที่สุดถึง 6 หลักสูตร ป.ตรี คือ วิศวกรรมเคมี วิศกรรมคอมพิวเตอร์ วิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมชีวการแพทย์ วิศวกรรมโยธาและสิ่งแวดล้อม วิศวกรรมไฟฟ้า ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้เรี ยนและการเคลื่อนย้ายแรงงาน วิศวกรไทยเป็นที่ยอมรั บในตลาดโลกสามารถไปศึกษาต่อหรื อทำงานได้ทั่วโลก อีกทั้งส่งผลดีต่อความน่าเชื่ อถือในสถาบันการศึกษา ประเทศชาติ และประชาคมโลก
ระบบ ABET ให้การรับรองคุณภาพการศึ กษาโดยพิจารณาจาก 1.หลักสูตร มีการบริหารจัดการและบรรลุวัตถุ ประสงค์ 2.วัตถุประสงค์หลักสูตร ตามแนวทาง Outcome Based Education 3.ผลสัมฤทธิ์ต่อผู้เรียนและผลลั พธ์อย่างมีหลักฐานเชิงประจักษ์ 4.หลักสูตรมีการพัฒนาต่อเนื่อง 5.ข้อกำหนดหลักสูตร การวัดผลและการขอรับการประเมิน
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยของไทยหลายแห่ง อาทิ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้ าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้มาเยี่ยมชมคณะวิศวะมหิดล และหารือถึงวิธีการเตรี ยมความพร้อมเพื่อความสำเร็ จในการขอรับรองมาตรฐาน ABET เรายินดีถ่ายทอดประสบการณ์ และให้คำแนะนำอย่างเต็มที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น