ลอนจีได้คะแนนเต็ม 100% ในรายงานประเมินความสามารถในการสร้างผลตอบแทน ประจำปี 2565 จากบลูมเบิร์กเอ็นอีเอฟ
รายงานความสามารถในการสร้างผลตอบแทนด้านอินเวอร์เตอร์และโมดูลพลังงานแสงอาทิตย์ (PV) โดยบลูมเบิร์กเอ็นอีเอฟ (BloombergNEF หรือ BNEF) ประจำปี 2565 ได้จัดอันดับให้ลอนจี (LONGi) เป็นธุรกิจที่มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนที่ได้คะแนนเต็ม 100% ระดับโลกอีกครั้ง โดยพิจารณาจากเสถียรภาพทางการเงินและความสามารถของบริษัท
การจัดอันดับนี้อ้างอิงจากผลการสำรวจประจำปีของ BNEF สำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกที่เกี่ยวกับกับแบรนด์โมดูลพลังงานแสงอาทิตย์และเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยมีการสอบถามธนาคาร สถาบันเงินทุน บริษัทจัดหาและก่อสร้างทางวิศวกรรม (EPC) ผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (IPP) และที่ปรึกษาด้านเทคนิคจากองค์กรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกำลังความสามารถการผลิตพลังงาน 557 กิกะวัตต์ที่ได้รับเงินทุน
ผู้ตอบแบบสำรวจทุกคนยอมรับในความสามารถทางการเงินของลอนจี และให้การรับรองความน่าเชื่อถือของบริษัทอย่างหนักแน่น สำหรับนักพัฒนา นักลงทุน และเจ้าของสินทรัพย์นั้น มีการประเมินความสามารถทางการเงินของผู้ผลิตด้วยตัวชี้วัดที่หลากหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังการผลิตที่ติดตั้งแล้วและความมั่นคงทางการเงิน
ในแง่ของความสามารถในอุตสาหกรรม ฐานข้อมูลสินทรัพย์หมุนเวียนของ BNEF ซึ่งมีรายละเอียดของสินทรัพย์พลังงานแสงอาทิตย์มากกว่า 40,000 รายการ ได้ติดตามแบรนด์โมดูลที่ใช้ในโครงการที่ได้รับเงินทุน โดยลอนจีมีกำลังโมดูลที่ใหญ่ที่สุดสำหรับโครงการเงินกู้ระยะยาวตั้งแต่ปี 2563 โดยปัจจุบันอยู่ที่ 4.7 กิกะวัตต์
ในแง่ของความมั่นคงทางการเงิน สุขภาพทางการเงินของผู้ผลิตคือปัจจัยสำคัญสำหรับธนาคาร โดยลอนจีติดหนึ่งในสองธุรกิจที่มีคะแนนสูงสุดในตัวชี้วัด Altman-Z ที่ใช้เป็นเครื่องมือวัดผลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
นอกจากนี้ การสำรวจ BNEF ยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีโมดูลใหม่ โดยระบุว่า โมดูลขนาด 182 มม. เป็นขนาดที่โดดเด่นในปัจจุบัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรภายนอกแนะนำว่า โมดูลขนาด 182 มม. ช่วยให้ผู้ผลิตจัดหาส่วนประกอบมาตรฐานได้ง่ายขึ้น เช่น แผงโซลาร์เซลล์ (backsheets) กระจก แผงอีวีเอ (EVA) และเฟรมอลูมิเนียม ขณะที่ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ติดตามก็ถือว่ามีความตรงไปตรงมามากกว่า
ในแง่ของเทคโนโลยีเซลล์แสงอาทิตย์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำลังการผลิต TOPCon และ HJT จะเพิ่มขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า โดยไม่จำเป็นต้องแทนที่เซลล์ p-PERC ทั้งหมด นอกจากนี้ ที่ปรึกษาด้านเทคนิคทั่วโลกยังออกมาเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงบางประการ รวมถึงความเป็นไปได้ของการเสื่อมตัวโดยรังสียูวีในเซลล์สมรรถนะสูง และพวกเขายังกังวลเกี่ยวกับการทดสอบ PID และ DH ของ TOPCon โดยระบุว่า อุตสาหกรรมจำเป็นต้องพิจารณาประสิทธิภาพของเซลล์ประเภท n-type ในภาคสนามมากขึ้น และต้องมีสิ่งกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่ชัดเจนในการเปลี่ยนไปใช้ TOPCon หรือ HJT
ลอนจี ได้ทำการวิจัยอย่างครอบคลุมและเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยีเซลล์ใหม่ต่าง ๆ และผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวสู่ตลาดได้รับการประเมินและตรวจสอบอย่างครบถ้วน ซึ่งสามารถรับประกันคุณภาพและประสิทธิภาพที่มั่นคงของผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณเดนนิส ชี (Dennis She) รองประธานของลอนจี กล่าวว่า “เรามีความยินดีที่ได้รับการจัดอันดับจาก BNEF อีกครั้งว่ามีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนด้วยคะแนน 100% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ลอนจีเป็นที่ยอมรับอย่างมากในระดับสากล โดยในฐานะผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์นั้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับคุณค่าของผู้ใช้ปลายทาง รักษาเสถียรภาพการดำเนินงานและสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะเดียวกันก็มุ่งเน้นนวัตกรรมทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง”
เกี่ยวกับลอนจี
ลอนจี ก่อตั้งขึ้นในปี 2543 โดยมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำระดับโลก ลอนจีมุ่งเน้นที่การสร้างคุณค่าโดยมีความต้องการของลูกค้าเป็นตัวขับเคลื่อนกระบวนการเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างเต็มรูปแบบ
ลอนจี มีพันธกิจในการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดเพื่อสร้างโลกสีเขียว (making the best of solar energy to build a green world) ทั้งยังอุทิศตนเพื่อสร้างนวัตกรรมเทคโนโลยี โดยได้ก่อตั้งธุรกิจขึ้นมา 5 ภาคส่วน ประกอบไปด้วยเซลล์และโมดูลโมโนซิลิคอนเวเฟอร์ โซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์แบบกระจายศูนย์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม โซลูชันพลังงานสีเขียว รวมถึงอุปกรณ์ไฮโดรเจน ทั้งนี้บริษัทฯ ได้ขยายขีดความสามารถในการจัดหาพลังงานสะอาดโดยเมื่อไม่นานมานี้ได้นำโซลูชันและผลิตภัณฑ์ไฮโดรเจนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาพัฒนาและประยุกต์ใช้เพื่อสนับสนุนการลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ทั่วโลก www.longi.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น