“บีอีคิว กรุ๊ป” ผนึก “โมเจริม” รับตลาดปลูกผมโลกขยายตัวกว่า 2 แสนล้านบาท เดินหน้าสู่ผู้นำศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

“บีอีคิว กรุ๊ป” ผนึก “โมเจริม” รับตลาดปลูกผมโลกขยายตัวกว่า 2 แสนล้านบาท เดินหน้าสู่ผู้นำศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก


บีอีคิว กรุ๊ป ผนึก โมเจริม รับตลาดปลูกผมโลกขยายตัวกว่า แสนล้านบาท

เดินหน้าสู่ผู้นำศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก

บีอีคิว กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจปลูกผมครบวงจร ผนึก โมเจริม โรงพยาบาลชั้นนำระดับโลกเพื่อร่วมมือด้านวิชาการ พัฒนาเทคนิคและธุรกิจการปลูกผมสมัยใหม่ระหว่าง 2 ประเทศ ตอบโจทย์ธุรกิจปลูกผมโลกที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ขยายตัวกว่า 200,000 ล้านบาท ตั้งเป้าภายใน 3 ปี ขึ้นเป็นผู้นำศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก ต่อยอดธุรกิจสร้าง HAIR RESTORATION CENTER แบบยั่งยืน

จากข้อมูลการเติบโตของอุตสาหกรรมการปลูกผมถาวรทั่วโลกในปี 2564 พบว่ามีมูลค่าตลาดสูงถึง 5,677.61 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดการณ์ว่าในปี 2570 จะเพิ่มสูงขึ้นถึง 8,777.56 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีอัตราการเติบโต CAGR สูงถึง 7.98% สอดคล้องกับการสำรวจจากสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (International Society of Hair Restoration Surgery) ในปี 2562 ที่ได้ประเมินเคสผ่าตัดปลูกผมทั่วโลกมีมากถึง 735,312 ครั้ง ซึ่งมากกว่าปี 2559 ถึง 16% โดยแถบอเมริกาเหนือเป็นบริเวณที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ขณะเดียวกันแถบเอเชีย-แปซิฟิค เป็นกลุ่มประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตเร็วสุดในอุตสาหกรรมนี้ในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะเติบโตมากว่า 35% ในปี 2576 และส่งผลให้ตลาดปลูกผมโลกขยายตัวกว่า 200,000 ล้านบาท

นายพรศักดิ์ เจียมสว่างพร ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บีอีคิว กรุ๊ป เปิดเผยถึง วัตถุประสงค์ของการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างกลุ่มบริษัท บีอีคิว กรุ๊ป (BEQ GROUP) ผู้นำด้านธุรกิจการปลูกผมครบวงจร และโรงพยาบาล โมเจริม (MOJELIM) ผู้นำเฉพาะทางด้านการปลูกผมอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีใต้ ที่ได้รับการยอมรับด้านเทคนิคการให้การรักษาระดับแนวหน้าของโลก มีประสบการณ์มากกว่า 26 ปี โดยมีผู้ใช้บริการมากกว่า 120,000 ราย มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อส่งเสริมทักษะ เทคนิค และองค์ความรู้ด้านวิชาการ พัฒนางานวิจัย และเทคโนโลยีด้านการแพทย์ปลูกผม เพื่อเป้าหมายการเป็น“ศูนย์กลางการเรียนรู้ธุรกิจเฉพาะทางด้านการปลูกผมระดับโลก” ภายในปี 2568

นอกจากนี้บีอีคิว กรุ๊ป ยังมีเป้าหมายสำคัญที่ต้องการขยายธุรกิจของกลุ่มให้ครบวงจร ครอบคลุมทุกองค์รวมของการประกอบธุรกิจ อาทิ สถาบันปลูกผม, สถาบันส่งเสริมการทำธุรกิจปลูกผม, ศูนย์ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะแบบบูรณาการ, บริษัทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ และเครื่องมือทางการแพทย์ปลูกผม และเพิ่มความรวดเร็วเปรียบเสมือน Fast Track – Short Cut ทางลัดให้กับผู้ที่สนใจประกอบธุรกิจการปลูกผมถาวร และแพทย์ที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง สร้างโอกาสให้กลุ่มแพทย์ได้เพิ่มพูนทักษะเฉพาะทางด้านปลูกผม และเข้าถึงองค์ความรู้ เทคนิค พัฒนางานวิจัยต่างๆ อันเป็นประโยชน์กับคนไข้ของโรงพยาบาลในอนาคต รวมถึงต้องการพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมในด้านการปลูกผมให้มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถยกระดับให้มีมาตรฐานเป็นศูนย์กลางการฝึกอบรมระดับนานาชาติ พร้อมยินดีที่จะถ่ายทอดประสบการณ์จริงของการทำงานกว่า 26 ปี กับเคสความสำเร็จมากกว่า 120,000 ราย เพื่อให้แพทย์ที่มีความสนใจด้านนี้ได้เรียนรู้ ประยุกต์ใช้ประสบการณ์นี้ในการรักษาและเป็นประโยชน์กับคนไข้ในวงกว้างได้มากขึ้น

ด้านนายแพทย์ เนติทัศน์ ชินอ่อน ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมธุรกิจทางการแพทย์ พาวีคอน เมดิเนส อะคาเดมี (Pavicon Mediness Academy) (PMA) สถาบันสอนและเพิ่มพูนทักษะทางธุรกิจ ด้านการปลูกผมที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ในเครือ บีอีคิว กรุ๊ป เปิดเผยว่า นี่คือก้าวที่สำคัญของทั้ง 2 องค์กร ที่จะร่วมกันช่วยผลักดันให้ตลาดปลูกผมมีการเติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งในส่วนของสถาบันเองฯ ได้มีการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง และยังคงเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยมีทีมผู้ชำนาญที่มีประสบการณ์ยาวนานกว่า 10 ปี มีหลักสูตรการบริหารธุรกิจเฉพาะทางปลูกผมที่ทันสมัย ปัจจุบันทั้งหมด 10 หลักสูตร และพร้อมให้บริการเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจการปลูกผมแบบครบวงจรอีกด้วย ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและทักษะการปลูกผมชั้นสูงจากทีมแพทย์และผู้ชำนาญการ และมีความมุ่งมั่นพัฒนาพร้อมแบ่งปันองค์ความรู้ใหม่ๆ ให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้มีความรู้ทั้งด้านการบริหาร และทางวิชาการ ทักษะ ความเข้าใจในศาสตร์และศิลป์ของการปลูกผม มีความสามารถเชิงวิชาชีพ เพื่อเป็นประโยชน์ในทางวิชาชีพการปลูกผมในนามประเทศไทยสู่เวทีสากลต่อไป

ปัจจุบันตลาดปลูกผมในประเทศไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ในส่วนของ บีอีคิว กรุ๊ป และบริษัทในเครือ ในปี 2566 คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปี 2565 เนื่องจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้ยังมีแผนสร้างธุรกิจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น HAIR RESTORATION CENTER ที่ยั่งยืนแห่งใหม่ของโลก โดยโครงการนี้จะเริ่มตั้งแต่ปี 2566-2568 ซึ่งจะส่งผลให้มูลค่าของธุรกิจในกลุ่มบีอีคิว กรุ๊ป เพิ่มขึ้นตามไปด้วยโดยจะมีมูลค่ามากกว่า 1,400 ล้านบาท ในปี 2568 และภายใน 5 ปี ตั้งเป้าจะเป็นที่ 1 ด้านการปลูกผม ดูแลเส้นผม และหนังศีรษะ แบบครบวงจรของเอเชีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad