THRE ลั่นธุรกิจครึ่งปีหลังฟื้น เหตุพ้นวิกฤตโควิด ดันบริษัทย่อย "บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป" เข้า mai - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2565

THRE ลั่นธุรกิจครึ่งปีหลังฟื้น เหตุพ้นวิกฤตโควิด ดันบริษัทย่อย "บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป" เข้า mai

THRE ลั่นธุรกิจครึ่งปีหลังฟื้น เหตุพ้นวิกฤตโควิด

ดันบริษัทย่อย "บลูเวนเจอร์ กรุ๊ปเข้า mai

THRE ส่องทิศทางธุรกิจครึ่งหลังปี 65 ดีกว่าครึ่งปีแรก เติบโตสู่ภาวะปกติ เหตุพ้นวิกฤต          โควิด -19 หลังกรมธรรม์ประกันภัยแบบ เจอ-จ่าย-จบ ครบอายุสัญญาแล้ว เดินหน้านำบริษัทย่อย     "บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป" เข้าตลาด mai คาดยื่นไฟลิ่งช่วง Q3 ตามแผน ขณะที่งบ Q2/65 มีเบี้ยประกันภัยต่อรับ 1,20ล้านบาท

นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) (THREผู้ให้บริการด้านการรับประกันภัยต่อ (Professional Reinsurer) ครอบคลุมทั้งการรับประกันภัยทรัพย์สิน อุบัติเหตุ วิศวกรรม ภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้าต่างประเทศ เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก หลังจากบริษัทไม่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 เนื่องจากค่าใช้จ่ายสินไหมทดแทนจากกรมธรรม์ประเภท เจอ-จ่าย-จบ ครบอายุสัญญาเรียบร้อยแล้ว

โดยหลังจากนี้ธุรกิจของ THRE คาดว่าจะกลับมาเติบโตสู่ภาวะปกติได้ สะท้อนจากเศรษฐกิจของประเทศไทยเริ่มฟื้นตัว รวมถึงผู้บริโภคตระหนักถึงการทำประกันภัยด้านต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้การประกันสุขภาพ ประกันภัยอุบัติเหตุและการเดินทาง ประกันภัยทรัพย์สิน วิศวกรรม รวมถึงภัยทางทะเลและการขนส่งสินค้าต่างประเทศ คาดว่าจะเป็นที่ต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประกันสุขภาพ คาดว่าจะเป็นตัวขับเคลื่อนด้านธุรกิจประกันวินาศภัย ซึ่งหลัง Covid-19 ประชาชนส่วนใหญ่เริ่มสนใจการซื้อประกันผ่านระบบเทคโนโลยี ทั้งการซื้อโดยตรงกับตัวแทน การซื้อผ่านแอพพลิเคชั่น และการซื้อผ่านเว็บไซต์ต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากมีความคุ้นเคยและเห็นประโยชน์จากการซื้อประกันในระบบดังกล่าว

ทั้งนี้ เรื่องการนำบริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ล่าสุด บริษัทดำเนินการตามแผนที่วางไว้โดยได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่และแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน ชื่อบริษัท บลูเวนเจอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จากเดิมชื่อบริษัท อีเอ็มซีเอส ไทย จำกัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ช่วงไตรมาส 3/65  

ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 2/65 มีเบี้ยประกันภัยต่อรับ 1,207 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิลดลงเหลือเพียง  20 ล้านบาท  ดีขึ้นจากไตรมาส 1/65 ที่ขาดทุน 184 ล้านบาท หรือดีขึ้น 89ซึ่งหากพิจารณาในงบการเงินเฉพาะกิจการไตรมาส 2/65 กรณีไม่รวมการตัดสิทธิทางภาษี จะพลิกกลับมาเป็นกำไรสุทธิจำนวน 4 ล้านบาท

ทั้งนี้ เบี้ยประกันภัยต่อรับยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยเติบโต 18% จากไตรมาส 1/65 แต่ลดลง 8% จาก   ไตรมาส 2/64 เนื่องจากในปีก่อนมีเบี้ยประกันภัยประเภท Covid-19 กรณีที่ไม่รวมเบี้ยประกันภัย Covid-19 บริษัทจะมีเบี้ยประกันภัยต่อรับสุทธิเติบโต 5% จากปีก่อนไตรมาส 2/64 และเติบโต 12% จากไตรมาส 1/65                  ซึ่งมาจากการขยายตัวทั้งในส่วนของ Personal line และ Commercial line ที่มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในส่วนของรายได้จากการลงทุนสุทธิจำนวน 28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,700% จากไตรมาส 1/65 เนื่องจากเป็นช่วงเวลารับเงินปันผลจากเงินลงทุน และบริษัทมีรายได้จากการให้บริการสุทธิ 15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากไตรมาส 1/65 โดยส่วนหนึ่งมาจากการให้บริการอบรมสัมมนาที่เริ่มกลับมาให้บริการได้เป็นปกติ และอีกส่วนหนึ่งมาจากผลการดำเนินงานจากการให้บริการใหม่โดยใช้เทคโนโลยี AI (Artificial Intelligent) ในการให้บริการสินไหมทดแทนสำหรับรถยนต์ ซึ่งเริ่มให้บริการตั้งแต่ปลายไตรมาส 4/64 เป็นต้นมา และมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 65 บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตดีกว่าปี 64 แน่นอน หลังผลกระทบจาก Covid-19 ลดลง ประกอบกับบริษัทมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ยังเติบโตได้ดี ตามการเติบโตของธุรกิจ           Non-Conventional หรืองานบริการร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับพันธมิตร  ขณะที่สัดส่วนรายได้จากพอร์ตการรับประกันของบริษัท แบ่งเป็น อุบัติเหตุและสุขภาพ 46% อสังหาริมทรัพย์ 11%  กลุ่มรถยนต์ 33%  ขนส่งสินค้าต่างประเทศ 2% และประกันภัยประเภทอื่น 8%


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad