อิปซอสส์ เผย ผลวิจัย “5 อันดับความกังวลสูงสุดของประชากรโลก และ ไทย” พร้อม ค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระสูงสุด 3 อันดับ ที่ส่งผลต่อการครองชีพ สาธารณูปโภค-น้ำมันเชื้อเพลิง และ อาหาร - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอังคารที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

อิปซอสส์ เผย ผลวิจัย “5 อันดับความกังวลสูงสุดของประชากรโลก และ ไทย” พร้อม ค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระสูงสุด 3 อันดับ ที่ส่งผลต่อการครองชีพ สาธารณูปโภค-น้ำมันเชื้อเพลิง และ อาหาร

 


อิปซอสส์  เผย ผลวิจัย “5 อันดับความกังวลสูงสุดของประชากรโลก และ ไทย”  พร้อม ค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระสูงสุด 3 อันดับ ที่ส่งผลต่อการครองชีพ สาธารณูปโภค-น้ำมันเชื้อเพลิง และ อาหาร

คนไทยคาด ชีวิตมีความหวัง  คิดว่า 6 เดือนข้างหน้าจะมีแนวโน้มดีขึ้น  ส่วนภาคธุรกิจ มีความจำเป็นในการขับเคลื่อนด้วย ESG   โดย 80% ของผู้บริโภคเห็นตรงกัน ยินดีซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ แม้ราคาจะแพงกว่าก็ตาม

วันที่  25 กรกฎาคม 2566 ณ ห้องประชุม เอ็มไพร์ ทาวเวอร์   บริษัท อิปซอสส์  จำกัด  (Ipsos Ltd.)   ผู้นำระดับโลกด้านการวิจัยตลาดและสำรวจความคิดเห็นผู้บริโภค ผู้ให้บริการงานวิจัยครบวงจร  โดย นางสาว อุษณา จันทร์กล่ำ (Usana Chantarklum)  กรรมการผู้จัดการ     ได้เปิดเผยถึงรายงานการ ศึกษาชุดพิเศษ  “What Worries the World – What worries Thailand”  พร้อม 5 อันดับความกังวลสูงสุดของประชากรโลก และ ไทย  รวมถึงค่าใช้จ่าย 3 อันดับ ที่ส่งผลต่อการครองชีพ”  

นางสาวอุษณา เปิดเผยว่า  “รายงานชุดนี้ ประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ 3 ส่วน คือ ด้านสังคม (Societal Focus)   ด้านเศรษฐกิจ (Economic Focus) และ  การปรับใช้ ESG ในธุรกิจและประสบการณ์ของผู้บริโภค   (Embedding ESG in Experience)  จากผลสรุปพบว่า  พบว่า ภาวะเงินเฟ้อ เป็นความกังวลใจสูงสุดของประชากรโลกตลอด 15 เดือนที่ผ่านมา  ส่วนความกังวลใจด้านอื่นประกอบด้วย ความยากจนและความไม่เท่าเทียมในสังคม  / อาชญากรรม  / ความรุนแรง  และ การว่างงาน  สถานการณ์ด้านการเงิน-การเมือง-คอร์รัปชั่น    สำหรับประเทศไทย พบว่า ความกังวลอันดับหนึ่ง ได้แก่  ปัญหาทางด้านสังคมในเรื่องที่เกี่ยวกับการทุจริตทางการเงินหรือการเมือง  ส่วนปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียมกัน และ ปัญหาเงินเฟ้อ-มาเป็นอันดับสอง และ สาม ตามลำดับ   โดยสิ่งที่ประชากรไทยกังวลว่าจะมีการปรับราคาขึ้นอีกในครึ่งปีหลัง คือ ภาระด้านสาธารณูปโภค และ น้ำมันเชื้อเพลิง กังวลสูงสุดในอัตราที่เท่ากัน คือ  65% และ ค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ด้วยอัตรา 64%   

นางสาวอุษณา เปิดเผยเพิ่มเติมว่า  ผู้คนในทุกประเทศเห็นพ้องต้องกันว่ารัฐบาลควรเป็นผู้นำในการแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมกัน   โดยมีสัดส่วนตามกลุ่ม ดังนี้    บทบาทจากภาครัฐ-ระหว่างอัตราเฉลี่ยของโลกและไทยในสัดส่วน   66 : 65%   สื่อมวลชน  26 : 26%   กลุ่มพนักงานลูกจ้าง  25 : 16%    ระดับบุคคล  23 : 20%     ผู้ปกครองและครู  22 : 19%   องค์กรสนับสนุน   17 : 25%     ผู้นำทางศาสนา  11 : 11%   กลุ่มที่ประสบปัญหาความไม่เท่าเทียม  10 : 13%  คนไทย 39% รายงานว่า อาชญากรรมเพิ่มขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นในชุมชนของตนเองและละแวกใกล้เคียง  โดย 44% ของคนไทย  มั่นใจว่าการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจริงจัง   สามารถหยุดความรุนแรง และ อาชญากรรมที่ไม่รุนแรงได้

สำหรับด้านเศรษฐกิจ จากการสำรวจพบว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นความกังวลอย่างต่อเนื่อง  แม้ว่าจะไม่ใช่ความกังวล-อันดับหนึ่ง    คนไทยมองโลกในแง่ร้ายต่อภาวะเศรษฐกิจ คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นทั้งนี้  คนไทยส่วนใหญ่ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศใน

ปัจจุบันว่า “แย่”  ถึง 57% ส่วน 72% ของคนไทยมองว่าประเทศกำลังถดถอย  เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของโลกในอัตรา 49%  โดยกังวลสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก ถึง 23%  ประชากรไทยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี 

ในแง่ของการครองชีพ  คนไทยคาดว่า ค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค  น้ำมันเชื้อเพลิง และอาหารจะสูงขึ้น เป็นผลสะท้อนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ  โดยค่าใช้จ่ายสูงสุด 3 อันดับ ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในอีก 6 เดือนข้างหน้า  ดังนี้                                                                         65% เชื่อว่าค่าสาธารณูปโภคเพิ่มสุงขึ้น  เช่น แก๊ส ไฟฟ้า ฯลฯ  (เทียบกับ 71% ทั่วโลก)               65% ค่าเชื้อเพลิงในการขับขี่  เช่น ดีเซล น้ำมันเบนซิน/เบนซิน ฯลฯ (เทียบกับ 60% ทั่วโลก         64% ค่าใช้จ่ายเพื่อการซื้ออาหาร (เทียบกับ 67% ทั่วโลก

การจับจ่ายในครัวเรือนอื่น ๆ รวมถึง ค่าใช้จ่ายในการเข้าสังคม โดยการสมัครสมาชิก จำนอง/เช่า อาจไม่ได้รับผลกระทบมากนัก  


สัดส่วนระหว่างความกังวลของประชากรโลก กับ ประชาชนคนไทย  ดัง่นี้                                       71 : 64   ค่าใช้จ่ายในการซื้ออาหารของคุณ                                                                               68 : 65   ค่าใช้จ่ายของสาธารณูปโภค   เช่น ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ฯลฯ                                           67 : 59   ค่าใช้จ่ายในการซื้อของในครัวเรือนอื่นๆ                                                                       60 : 65   ค่ารถ ค่าเชื้อเพลิง เช่น ดีเซล, เบนซิน / เบนซิน เป็นต้น.                                                 54 : 39   ค่าใช้จ่ายโดยรวมเพื่อการสังสรรค์    เช่น. โรงภาพยนตร์ ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ผับคลับ          

    44 : 32   ค่าใช้จ่ายโดยรวมของสมาชิกภาพ ต่างๆ    เช่น  Netflix, สมาชิกโรงยิม ฯลฯ                42 : 34   จำนอง / ค่าเช่าของคุณ

พร้อมทั้ง เปิดเผยถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาเหตุที่ทำให้ค่าครองชีพที่สูงขึ้น  ได้แก่                    

     81% สถานะของเศรษฐกิจโลก (เทียบกับ 73% ทั่วโลก)                                                               79% นโยบายของรัฐบาลในประเทศของฉัน (เทียบกับ 70% ทั่วโลก)                                           78% ระดับอัตราดอกเบี้ยในประเทศของฉัน (เทียบกับ 71% ทั่วโลก)                                           รวมถึง ปัจจัยอื่นๆ ได้แก่ การระบาดของ COVID-19  ผลกำไรที่มากเกินไป และความต้องการเพิ่มค่าจ้าง


      73 : 81 % สภาวะของเศรษฐกิจโลก                                                                      71 : 78 % ระดับดอกเบี้ยในประเทศของฉัน                                                                          70 : 79 % นโยบายของรัฐบาลแห่งชาติของฉัน                                                                   64 : 67 % การรุกรานยูเครนของรัสเซียและผลที่ตามมา                                                            63 : 74 % ธุรกิจที่ทำกำไรมากเกินไป                                                                      56 : 75 % การระบาดใหญ่ของโควิด-19                                                                   53 : 73 % คนงานเรียกร้องค่าจ้างเพิ่มขึ้น                                                                           50 : 61 % การย้ายถิ่นฐานในประเทศของฉัน

ถึงแม้จะเจอความท้าทาย แต่คนไทยก็ยังรู้สึกถึงการเติบโตในแง่ดี และ 2 ใน 3 ของคนไทย หรือ ประมาณ 67%  ยังคิดว่า ประเทศกำลังมาถูกทาง   ในขณะที่คนไทยบางส่วนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของประเทศ และ ยังมีการมองโลกในแง่ดีในบางพื้นที่



      54% จำนวนคนว่างงานในประเทศของฉัน เทียบกับ 68% ในเดือนพฤศจิกายน 2022                  40% ภาษีที่คุณจ่าย เทียบกับ 51% ในเดือนพฤศจิกายน 2022                                                    20% มาตรฐานการครองชีพของคุณเอง เทียบกับ 14% ในเดือนพฤศจิกายน 2022                      19% รายได้ทิ้งของคุณ เทียบกับ . 13% ในเดือนพฤศจิกายน 2565

คนไทยคาด ชีวิตมีความหวัง  คิดว่า 6 เดือนข้างหน้าจะมีแนวโน้มดีขึ้น 

คนไทยส่วนใหญ่ค่อนข้างมองโลกในแง่ดี และคาดหวังว่าทิศทางโดยรวมของไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้าจะมีแนวโน้มที่ดี  โดย 61 % คาดว่าเศรษฐกิจในท้องถิ่นจะแข็งแกร่งขึ้น เทียบกับ 42% ในเดือนกุมภาพันธ์   และ 56% ในเดือนพฤษภาคม 2566


อิปซอสส์ ชี้ แรงกดดันภาคธุรกิจ แนะถึงยุค กลยุทธ “ESG” ต้องปรับใช้  โดย 80% ของผู้บริโภคเห็นตรงกัน ยินดีซื้อสินค้าจากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ แม้ราคาจะแพงกว่าก็ตาม

ในส่วนของธุรกิจนั้น  รายงานวิจัยของ อิปซอสส์ ชี้ให้เห็นถึง แนวโน้มและทิศทางในการปรับใช้ ESG ในธุรกิจและประสบการณ์ (Embedding ESG in Experience)   โดยแนะแนวทางสำหรับแต่ละลักษณะกลุ่มธุรกิจ ที่ถูกผลกระทบของภาวะเงินเฟ้อ   ต้องมีกลยุทธการรับมือและปรับตัวในแนวทางที่แตกต่างกัน                                                                         

ผลสำรวจของอิปซอสส์ ชี้ให้เห็นถึง ความจำเป็นในการขับเคลื่อนด้วย ESG   โดยองค์กรจำนวนมากต่างได้รับแรงกดดันหากต้องการทำธุรกิจให้ยั่งยืน  โดยเห็นจากผลสำรวจ  Reputation Council Report ของ อิปซอสส์ ชี้ให้เห็นถึงความคิดเห็นในอัตรา  81% ของ สภาสมาชิกกิตติมศักดิ์ ตัวแทนนักสื่อสารองค์กรอาวุโสจากแบรนด์ระดับโลก  (Ipsos Reputation Council Members)ต่างเห็นพ้องถึงความจำเป็นในการนำ กลยุทธ์ ESG  ฝังเข้าเป็นส่วนสำคัญของระบบธุรกิจ  ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสู่ความสำเร็จ ที่ยั่งยืน

ในแง่ของผู้บริโภค ต่างเชื่อว่า ธุรกิจเป็นตัวผลักดันที่ดี  โดย 80%  เห็นว่าแบรนด์สามารถทำเงินและสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ได้ในเวลาเดียวกัน และ เกือบสองในสาม หรือ 64% กล่าวว่าพวกเขายินดีซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม 

วิธีการที่แบรนด์สามารถสร้างคุณค่าและขับเคลื่อนความสัมพันธ์กับลูกค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น           1 ทำในสิ่งที่นอกเหนือจากกิจกรรม ESG พื้นฐาน เช่น การลดของเสีย หรือการจ่ายภาษีอย่างถูกต้องแล้ว มิฉะนั้น ภาคธุรกิจหรือบริษัทยังคงทำกิจกรรมเดิมๆ  ในการสร้างความยั่งยืน                2 ส่งมอบคุณค่า ที่แบรนด์ได้สัญญาไว้ผ่านประสบการณ์ที่มีต่อแบรนด์ทุกครั้ง  ก็จะสามารถ สามารถสร้างความใกล้ชิดกับแบรนด์และเจาะจงใช้แบรนด์มากขึ้นในอนาคต                  3 การปลูกฝังพื้นฐานด้านประสบการณ์ ESG  ที่ทำให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอ หลักของแบรนด์ โดยแสดงให้เห็นผ่านประสบการณ์  ซึ่งน่าจะมีประสิทธิภาพที่สุด

ในแง่ของผู้บริโภค ต่างเชื่อว่า ธุรกิจเป็นตัวผลักดันที่ดี  โดย 80%  เห็นว่าแบรนด์สามารถทำเงินและสนับสนุนกิจกรรมดีๆ ได้ในเวลาเดียวกัน และ เกือบสองในสาม หรือ 64% กล่าวว่าพวกเขายินดีซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบ แม้ว่าจะมีราคาแพงกว่าก็ตาม 

                                                                                                                                                     เกี่ยวกับอิปซอสส์          

       เป็นบริษัทวิจัยการตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก เราดำเนินธุรกิจใน 90  ตลาด และมีพนักงานรวมกว่า 18,000 คน นักวิจัย นักวิเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญของเราได้ร่วมสร้างสรรค์สมรรถภาพเฉพาะ ตัวอันหลากหลาย ซึ่งนวัตกรรมด้านวิจัยตลาดของบริษัท สามารถสะท้อนให้เห็นถึงข้อมูลเชิงลึก ทั้งด้านความคิดเห็น   ตลอดจนแรงจูงใจของผู้บริโภคทุกภาคส่วนได้ บริษัทมี โซลูชันในการทำวิจัยกว่า  75 รูปแบบ ซึ่งล้วนแล้วตั้งอยู่บนฐานของข้อมูลปฐมภูมิ ที่รวบรวมจากการสำรวจ  การวิเคราะห์สื่อออนไลน์ และข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงประจักษ์

อิปซอสส์ก่อตั้งที่ประเทศฝรั่งเศส ในปี 1975 และเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้น Euronext ปารีส เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 1999  และ เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2538  เราเป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่ม SBF 120 หรือกลุ่มบริษัทที่หุ้นมีการซื้อขายมากที่สุดในตลาดหุ้นฝรั่งเศส และกลุ่ม Mid-60 ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงที่สุดของฝรั่งเศส  ทำให้เราสามารถใช้ Deferred Settlement Service (SRD) หรือบริการการระงับคดีรอตัดบัญชีได้

เกี่ยวกับรายงานการสำรวจ                                                                                                              รายงานการวิจัยนี้  เป็นการจัดทำเพื่อประโยชน์ต่อทุกส่วนที่เกี่ยวข้องและผู้สนใจ  จัดทำเป็น“ค่าเฉลี่ยประเทศทั่วโลก” สะท้อนถึงค่าเฉลี่ยสำหรับทุกประเทศและทุกตลาดที่ทำการสำรวจ อีกทั้ง ไม่ได้ปรับตามขนาดประชากรของแต่ละประเทศหรือแต่ละตลาด และไม่ได้มีวัตถุประสงค์  เพื่อนำไปเป็นบรรทัดฐานเดียวกันในทุกพื้นที่

กลุ่มตัวอย่างในบราซิล  ชิลี  โคลอมเบีย  อินเดีย  อินโดนีเซีย  มาเลเซีย  เม็กซิโก  เปรู สิงคโปร์ แอฟริกาใต้  ตุรกี และ ไทย ที่มีลักษณะเป็นตัวเมืองมากกว่า มีการศึกษามากกว่า และ/หรือร่ำรวยกว่าประชากรโดยทั่วไป


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad