แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายและเงินบาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาจัดตั้งรัฐบาลและแต่งตั้งนายกฯ หากทำได้เร็ว เงินทุนอาจไหลเข้าทำให้บาทอาจแข็งค่าต่อได้ - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันเสาร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายและเงินบาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาจัดตั้งรัฐบาลและแต่งตั้งนายกฯ หากทำได้เร็ว เงินทุนอาจไหลเข้าทำให้บาทอาจแข็งค่าต่อได้

 แนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายและเงินบาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาจัดตั้งรัฐบาลและแต่งตั้งนายกฯ หากทำได้เร็ว เงินทุนอาจไหลเข้าทำให้บาทอาจแข็งค่าต่อได้

11 กรกฎาคม 2566

กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB FM) มองว่า ในระยะสั้น ความผันผวนในตลาดการเงินไทยจะยังสูง ซึ่งปัจจัยที่ต้องจับตาคือระยะเวลาในการแต่งตั้งนายกฯ และการจับขั้วตั้งรัฐบาล โดยหากสามารถแต่งตั้งนายกฯ 

ได้เร็ว ก็จะทำให้ความเชื่อมั่นปรับดีขึ้น เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทย และทำให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ในระยะสั้น (Relief rally) ส่วนแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้ายและค่าเงินในระยะกลางถึงยาวจะขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลและใช้นโยบายที่ Pro-market ก็จะทำให้เงินทุนไหลเข้าตลาดทุนไทยได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าต่อได้ ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้การโหวตนายกฯ มีความไม่แน่นอนมากขึ้นคือ การส่งฟ้องคดีถือหุ้นสื่อของคุณพิธาต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล และเพิ่มความผันผวนในตลาดการเงินไทยมากขึ้น

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงก่อนการเลือกตั้ง และถึงแม้ว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยยังมีอยู่มาก ทั้งในเรื่องตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงระยะเวลาที่จะจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งจะส่งผลต่อความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายภาครัฐและนัยต่อเศรษฐกิจไทย ด้วยเหตุนี้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติจึงยังไม่ปรับดีขึ้นมากนัก เงินทุนเคลื่อนย้ายจึงยังไม่ไหลกลับเข้ามาอย่างชัดเจน

ในช่วงที่มีการเลือกตั้งในอดีต เงินทุนเคลื่อนย้ายก็ไหลออกจากตลาดการเงินไทยแต่ในอัตราที่แตกต่างกัน โดยหากสถานการณ์ความไม่แน่นอนยาวนานกว่า จะทำให้เงินทุนไหลออกมากกว่า ในปี 2557 ที่ความไม่แน่นอนสูงกว่า เนื่องจากการแต่งตั้งนายกฯ ใช้เวลานานกว่า และมีการประท้วงการเลือกตั้ง จึงทำให้เงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกจากตลาดการเงินไทยในปริมาณที่มากกว่า และใช้เวลานานกว่าที่เงินทุนจะไหลกลับมา อีกทั้งปริมาณเงินทุนที่ไหลกลับเข้ามาก็มีน้อยกว่า อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งในปี 2562 มีความไม่แน่นอนน้อยกว่า ทำให้เงินทุนไหลออกจากไทยในอัตราที่น้อยกว่า และไหลกลับเข้ามามากกว่าหลังมีการแต่งตั้งนายกฯ

นายวชิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า Scenario ของสถานการณ์การแต่งตั้งนายกฯ ในสัปดาห์นี้จะส่งผลต่อแนวโน้มเงินทุนเคลื่อนย้าย และค่าเงินบาท รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอย่างมาก โดยแบ่งเป็น

• กรณีที่ 1 จัดตั้งรัฐบาลได้เร็ว: คุณพิธารวบรวมเสียงจากทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ได้เกินกว่า 376 เสียง ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลน่าจะใช้เวลาไม่นานนัก การดำเนินนโยบายภาครัฐน่าจะไม่ขาดตอน เงินทุนไหลกลับเข้าตลาดการเงินไทยในระยะสั้น ทำให้เงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นจาก Sentiment ที่ปรับดีขึ้น (Relief rally) อย่างไรก็ดี ในระยะกลางถึงยาว เงินบาทอาจกลับมาอ่อนค่าได้ โดยขึ้นอยู่กับนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่อาจมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินนโยบายภาครัฐ

SCB FM แนะให้ผู้นำเข้าอาจทยอยซื้อ USDTHB ในระยะสั้นที่มี Relief rally โดยมองกรอบที่ราว 34.40-34.85 ขณะที่ผู้ส่งออกอาจรอจังหวะขายหลังผ่านช่วง Rally มองกรอบที่ราว 35.40-35.55

• กรณีที่ 2 จัดตั้งรัฐบาลได้ช้ากว่า แต่ไม่เกิดการประท้วง: คุณพิธาไม่สามารถรวมเสียงครบ 376 เสียง ทำให้ต้องเสนอชื่อนายกฯ จากพรรคอื่น โดยมีโอกาสสูงที่จะมาจากพรรคเพื่อไทย เงินทุนจะไหลออกจากตลาดการเงินไทยในช่วงแรกที่การโหวตยังไม่ผ่าน ทำให้เงินบาทอาจอ่อนค่าในระยะสั้น แต่หลังจากได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยแล้ว เงินทุนเคลื่อนย้ายอาจทยอยไหลกลับมา เนื่องจากนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีแนวโน้ม Pro-market มากกว่า เงินบาทจึงมีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าได้ในระยะกลาง

SCB FM แนะให้ลูกค้าส่งออกอาจทยอยขาย USDTHB ช่วงที่อ่อนค่าในระยะแรก โดยมองกรอบที่ 35.40-35.75 ขณะที่ผู้นำเข้าอาจรอจังหวะซื้อหลังจากที่ได้นายกฯ ซึ่งบาทน่าจะกลับมาที่กรอบ 34.85-35.10

• กรณีที่ 3 จัดตั้งรัฐบาลได้ช้ากว่า และเกิดการประท้วงวงกว้าง: พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายเสนอชื่อนายกฯ พร้อมมีการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ระยะเวลาการจัดตั้งรัฐบาลจะนานกว่ากรณีที่ 2 เงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินไทยต่อเนื่องและมากกว่ากรณีที่ 2 ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงมากกว่า อีกทั้ง ในช่วงที่เงินทุนไหลกลับเข้ามา อาจเข้ามาน้อยกว่าสองกรณีแรก การแข็งค่าในช่วงไตรมาส 4 จึงอาจน้อยกว่ากรณีอื่น

SCB FM แนะให้ลูกค้าส่งออกอาจตั้ง Target ขาย USDTHB ในระยะข้างหน้าที่ราว 35.75-36.00 ขณะที่ผู้นำเข้าอาจพิจารณาซื้อ Call option ที่ราคาใช้สิทธิราว 35.20 เพื่อปิดความเสี่ยงเงินบาทอ่อนค่าเร็ว


โดย :  ​วชิรวัฒน์ บานชื่น 

นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส 

สายงานตลาดการเงิน กลุ่มธุรกิจ Wholesale Banking

ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

Line : @scbfx

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad