อาเซียนถกวางกรอบประเด็นเศรษฐกิจที่จะขับเคลื่อนปี 67 พร้อมเร่งอัปเกรด FTA กับจีน
เจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียน
นัดประชุมไม่เป็นทางการครั้งแรก หลัง สปป.ลาว
รับไม้ต่อประธานจากอินโดนีเซีย ถกวางกรอบประเด็นเศรษฐกิจที่จะผลักดันในปี
67 ทั้งการเสริมสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน
การพัฒนาระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ การใช้ระบบเลขนิติบุคคลเดียวของอาเซียน
พร้อมเร่งอัปเกรด FTA อาเซียน-จีน บังคับใช้พิธีสารอัปเกรด FTA
อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ และทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล
นายธัชชญาน์พล อภิมนต์เตชบุตร รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
ให้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ
(SEOM Retreat) ระหว่างวันที่ 7-8 ธ.ค.2566 ที่ผ่านมา ณ แขวงหลวงพระบาง
สปป.ลาว ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกของเสาเศรษฐกิจ หลังจากที่ สปป.ลาว
รับตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากอินโดนีเซีย
โดยการประชุมครั้งนี้
ได้มีการหารือถึงประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจที่จะผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จในปี
2567 ภายใต้แนวคิดหลัก “ASEAN : Enhancing Connectivity and Resilience”
มุ่งเชื่อมโยงการค้าในอาเซียนอย่างไร้รอยต่อผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น
1.การจัดทำปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการเสริมสร้างความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน
2.การพัฒนาระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียวของอาเซียน รุ่นใหม่
ที่เน้นสร้างสภาพแวดล้อมทางการค้าดิจิทัลในภูมิภาค
และตอบสนองต่อการเติบโตของการค้าไร้กระดาษข้ามพรมแดน และ
3.การนำข้อริเริ่มเรื่องระบบเลขทะเบียนนิติบุคคลเดียวของอาเซียน (Unique
Business Identification Numbers : UBIN) มาพัฒนาให้เป็นรูปธรรม
เพื่อให้ภาคธุรกิจของอาเซียนสามารถทำการค้าได้อย่างสะดวกมากขึ้น
ทั้งนี้
ที่ประชุมยังได้เร่งผลักดันการเจรจายกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน
ให้ได้ข้อสรุปอย่างมีนัยสำคัญ
และการมีผลบังคับใช้ของพิธีสารเพื่อยกระดับความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์
ซึ่งมีการปรับข้อบทในด้านการค้าสินค้า บริการ และกฎถิ่นกำเนิดสินค้า
เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า
ซึ่งจะช่วยขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน
รวมทั้งเสริมสร้างการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานโลก
ขณะเดียวกัน
อาเซียนได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภูมิภาค
โดยเร่งยกระดับเทคโนโลยีผ่านการจัดทำกรอบความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัล (DEFA)
โดยมีไทยเป็นประธานคณะเจรจา และเริ่มเจรจารอบแรกเมื่อต้นเดือน ธ.ค.2566
ที่ผ่านมา เพื่อวางโครงร่างของประเด็นที่จำเป็นต่อการค้าดิจิทัลในอนาคต
เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การคุ้มครองผู้บริโภคออนไลน์
และความปลอดภัยทางไซเบอร์ โดยตั้งเป้าสรุปผลเจรจาภายในปี 2568
เพื่อเป็นกลไกสำคัญในการยกระดับมาตรฐานทางเศรษฐกิจ
และเปลี่ยนผ่านอาเซียนสู่ความเป็นประชาคมดิจิทัล
ตลอดจนส่งเสริมการค้าภายในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น