ธนาคารไทยเครดิตโชว์พลังเสริ มความรู้การเงิน ผ่านโครงการ "ตังค์โต Know-how" สู่ปีที่ 8 ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยกว่า 195,000 คน
ธนาคารไทยเครดิต จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเป็ นธนาคารเพื่อสังคม ด้วยการดำเนินโครงการส่งเสริ มความรู้ทางการเงิน "ตังค์โต Know-how" อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 เพื่อเสริมสร้างความรู้และทั กษะทางการเงินให้กับผู้ ประกอบการรายย่อย เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก พนักงานบริษัท เยาวชน และข้าราชการ ช่วยวางรากฐานความมั่ นคงทางเศรษฐกิจและยกระดับคุ ณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน โดยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 (มกราคม - เมษายน) มีผู้เข้าร่วมอบรมสะสมแล้ว 18,428 คน เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ก่อนที่มีผู้เข้าร่วม 15,379 คน
นายรอยย์ ออกุสตินัส กุนารา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต กล่าวว่า "การส่งเสริมความรู้ทางการเงิ นถือเป็นหัวใจสำคั ญของธนาคารไทยเครดิต นอกจากการสนับสนุนเงินทุนแล้ว เรายังเล็งเห็นถึงความสำคั ญของการพัฒนาองค์ความรู้อย่ างรอบด้านควบคู่กันไป ซึ่งจะนำไปสู่การลดความเหลื่ อมล้ำและการพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับพันธกิ จของเราในการเป็นธนาคารเพื่อสั งคมอย่างแท้จริง"
ตลอดระยะเวลายาวนานกว่า 7 ปีที่ผ่านมา ธนาคารไทยเครดิตมุ่งมั่นดำเนิ
ในปี 2567 ธนาคารตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้เข้ าอบรมเป็น 60,000 คน พร้อมขยายขอบเขตโครงการให้ ครอบคลุมกลุ่มเปราะบางมากยิ่งขึ้ น ล่าสุดจัดหลักสูตรพิเศษสำหรับผู้ สูงวัยเพื่อเสริมทักษะการจั ดการเงินและระวังภัยทางการเงิ นในวัยเกษียณ รวมทั้งถ่ายทอดความรู้ทางการเงิ นเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่ กลุ่มพัฒนาบทบาทสตรี นำไปสู่ความเท่าเทียมทางเศรษฐกิ จ
ความมุ่งมั่
ผลการอบรมล่าสุด
พบว่าผู้ผ่านการอบรมกว่า 70% มีความรู้ทางการเงินเพิ่มขึ้น 89%
มีวินัยทางการเงินที่ดีขึ้น และผู้ประกอบการถึง 66%
มียอดขายเติบโตขึ้นเพียงปีเดี ยวหลังอบรม นับเป็นความสำเร็ จของโครงการในการเสริมสร้ างความเข้มแข็งทางการเงินและขั บเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่ งยืน
"การเสริมสร้างความเข้มแข็ งจากภายใน ผ่านการให้ความรู้ทางการเงิ นและพัฒนาทักษะอาชีพ จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โครงการ 'ตังค์โต Know-how' จะเป็นกลไกในการสร้างภูมิคุ้มกั นทางเศรษฐกิจให้แก่ชุมชน พร้อมขับเคลื่อนให้คนไทยมี โอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้ นอย่างทั่วถึง สอดคล้องกับปรัชญา Everyone Matters ทุกคนคือคนสำคัญ" นายรอยย์ กล่าวทิ้งท้าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น