โดย ดร. แกรี่ สมอลล์ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้ านโภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น
ในสถานการณ์ช่วงโควิด-19 ระบาดตอนนี้ หลายคนคงต้องกักตัวอยู่บ้าน ทั้งยังต้องรักษาระยะห่างทางสั งคม ช่วงเวลาแบบนี้ การได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารน่ากั งวลใจมากมายที่ทำให้รู้สึกเครี ยด เหนื่อยล้าทั้งจิตใจและร่างกาย องค์กรและบริษัทต่าง ๆ ยังออกนโยบายให้พนั กงานทำงานจากที่บ้าน ก็ยิ่งทำให้ระดับความเครี ยดของเราเพิ่มสูงขึ้นเพราะไม่ ได้พบปะผู้คนในสังคมเหมือนเดิม
เวลานี้จึงเป็นเวลาสำคัญที่ เราต้องใส่ใจสุขภาพจิ ตใจของเราเป็นอันดับแรก การรู้ว่าตัวเองกำลังเครี ยดและรู้วิธีจัดการกับมันสำคั ญมาก เพราะหากปล่อยให้เกิดความเครี ยดเรื้อรัง ย่อมจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพร่ างกายและทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่ อนแอเกินกว่าที่จะต่อสู้กับเชื้ อโรคต่าง ๆ ได้ ความเครียดยังสร้างผลเสียต่อสุ ขภาพกายและใจด้วย
เรากำหนดความรู้สึกในใจตั วเองได้
มนุษย์มีวิวัฒนาการจนกลายเป็นสั ตว์สังคมที่มีครอบครัว เพื่อนฝูง รวมถึงกลุ่มคนที่ชอบและสนใจในสิ่ งคล้าย ๆ กัน ซึ่งช่วยให้เรารับมือกับปั ญหาความเครียดต่าง ๆ ในชีวิตและดูแลจิตใจตัวเองได้ แม้ว่าปัจจุบันเราจะอยู่ในยุคดิ จิทัลที่เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ ติดต่อสื่อสารกันได้อย่างใกล้ชิ ด เราก็ยังโหยหาการมีปฏิสัมพันธ์ แบบมนุษย์กับมนุษย์ เช่นการสัมผัสหรือการพบเจอหน้ ากัน เพราะทำให้ใจรู้สึกดีและผ่ อนคลาย
ทุกวันนี้ เรากักตัวเองอยู่ในบ้าน พยายามเข้าใจและทำตามข้อมู ลคำแนะนำมากมายของเจ้าหน้าที่ และหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่มี อย่างต่อเนื่อง จึงไม่น่าแปลกใจที่ เราหลายคนจะเกิดความเครียด หดหู่ รวมถึงเกิดปัญหาสุขภาพจิตต่าง ๆ ตามมา แม้ว่าการติดตามสถานการณ์ ความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ให้ทันจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่การเฝ้าหน้าจอดูหรือฟังข่ าวตลอดทั้งวันก็อาจทำให้เราเกิ ดความกลัวและเครียดได้ อย่างไรก็ดี วันนี้เรามีวิธีการจั ดการความเครียดดี ๆ มาแนะนำที่จะช่วยให้คุ ณและคนรอบตัวคุณดูแลจิตใจตั วเองได้ดีขึ้นและคลายความกั งวลท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19
เราแต่ละคนมีวิธีรับมือกั บความเครียดที่ต่างกัน ดังนั้นจึงต้องจำไว้ว่าวิธีที่ ได้ผลกับคนหนึ่งอาจจะไม่ได้ผลกั บอีกคนก็ได้ ลองทำตาม 8 ข้อควรรู้ดูแลใจโดย ดร. แกรี่ สมอลล์ คณะกรรมการที่ปรึกษาด้ านโภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ นิวทริชั่น ที่จะช่วยให้คุณจัดการกับระดั บความเครียดของตัวเองได้ง่าย ๆ ช่วง #อยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติ
· สังเกตสัญญาณความเครียด – การชอบกัดหรือขบฟัน น้ำหนักขึ้น ปวดหัว อารมณ์แปรปรวน ปวดหลังปวดคอ และอาการนอนไม่หลับ ล้วนเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุ ณกำลังเครียด การจับสังเกตอาการเหล่านี้ได้ จะช่วยให้คุณรู้ว่าถึงเวลาที่ต้ องหาวิธีลดความเครียดเสียที
· รู้ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้เครียด – ถ้าคุณทำงานจากบ้านหรือดูข่ าวสารแล้วรู้สึกว่าตัวเองเครียด หงุดหงิด หรือรู้สึกปวดหัวปวดคอ ก็ควรลุกจากที่นั่งและหยุดสิ่ งที่ทำอยู่ ลองเดินเล่นในบ้านหรือฟั งเพลงหรือหามุมสงบ ๆ เพื่อผ่อนคลาย ก็จะช่วยรีเซ็ตสภาวะจิตใจตั วเองได้ ก่อนจะกลับไปทำงานในแต่ละวันให้ เสร็จ
· พักเบรคระหว่างวัน - ลองจัดเวลาในแต่ละวันให้คุณได้ พักเบรคจากการทำงานหรือจากการดู อ่าน หรือฟังข่าวสารบ้าง รวมถึงข่าวสารจากโซเชียลมีเดี ยด้วย การทำงานหรือตามอ่านข่าวสารตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันจะทำให้เครี ยดและสมองล้า หาเวลาผ่อนคลายด้วยการทำกิ จกรรมที่แตกต่างจากสิ่งที่ทำเป็ นประจำ หรือพูดคุยเกี่ยวกับความรู้สึ กของคุณกับคนที่คุณไว้ใจได้ก็ จะช่วยให้คุณอารมณ์ดีขึ้น
· หากิจกรรมสร้างสรรค์ทำ – ใช้เวลานี้กลับมาสนุกกับงานอดิ เรกที่คุณชอบหรือมองหากิ จกรรมใหม่ ๆ ดู การเปลี่ยนโฟกัสไปยังสิ่งใหม่ ๆ จะช่วยให้คุณรู้สึกกระตือรือร้ นและผ่อนคลาย แนะนำให้ลองฝึกทำเมนูอาหารใหม่ ๆ เดินเล่น ปัดกวาดทำความสะอาดบ้าน หรือร่วมกิจกรรมออกกำลั งกายออนไลน์ ก็จะช่วยลดความเครียดและทำให้รู้ สึกสดชื่นขึ้นกว่าที่เคย
· หายใจเข้าออกลึก ๆ ให้อารมณ์ผ่อนคลาย - การหายใจโดยธรรมชาติแล้วต้องใช้ กะบังลม เวลาเราหายใจโดยใช้กะบังลม ท้องเราจะขยายเมื่อเราหายใจเข้ าและยุบตัวลงเมื่อหายใจออก ในหลาย ๆ ครั้ง เราลืมที่จะหายใจให้ถูกต้ องและมักใช้แค่อกหรือไหล่ทำให้ เราหายใจสั้นและไม่ลึกพอ ซึ่งทำให้รู้สึกเครียดและกั งวลเพิ่มขึ้น ช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะมากที่ คุณจะได้ฝึกหายใจให้ดีขึ้น เริ่มจากหาที่เงียบ ๆ ในบ้านแล้วนอนลง วางมือข้างหนึ่งไว้บนอกและมืออี กข้างไว้บนท้อง เมื่อคุณพร้อมก็หายใจเข้าช้า ๆ จะรู้สึกว่าท้องพองขยาย และเมื่อหายใจออก หน้าอกของคุณจะยุบต่ำลง ลองฝึกหายใจแบบผ่อนคลายสัก 20-30 นาทีต่อวันเพื่อลดความกั งวลและฝึกให้ใจผ่อนคลายสบาย ๆ
· เคลื่อนไหวร่างกายให้มากขึ้น - ออกกำลังกายเป็นประจำ หากิจกรรมที่คุณชอบ การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างสุ ขภาพโดยรวมและทำให้รู้สึกว่าร่ างกายแข็งแรง รวมทั้งเป็นวิธีการจั ดการความเครียดชั้นดี เมื่อคุณออกกำลังกาย ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดรฟิ นในสมองที่ช่ วยลดอาการปวดและกระตุ้นความรู้ สึกในแง่บวกได้ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยั งช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ซึ่งช่วยลดความเครียดและความอ่ อนล้าของร่างกาย ถ้าคุณมีสายรัดข้อมือเพื่อสุ ขภาพหรือ Fitness Tracker ให้ตั้งเป้าเดินให้ได้ 10,000 ก้าวต่อวัน การตั้งเป้าหมายจะช่วยให้ เรากระตือรือร้นและมุ่งมั่นที่ จะทำให้สำเร็จ
· พูดคุยสื่อสารกับคนใกล้ชิด – การหมั่นพูดคุยติดต่อกับครอบครั วและเพื่อนฝูงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ตัวจะอยู่ห่างไกลกันก็ไม่ได้ แปลว่าคุณจะตัดขาดการติดต่อกั บคนอื่นซะทีเดียว ลองทักไปหาคนที่คุณห่วงใยทุกวั นด้วยช่องทางโซเชียลมีเดีย วิดีโอคอล หรือโทรหาก็ได้
· จัดระเบียบชีวิตประจำวันให้เหมื อนปกติ - ท่ามกลางสถานการณ์ความเปลี่ ยนแปลงที่เราควบคุมไม่ได้ ให้จัดระเบียบกิจกรรมที่คุณต้ องทำในแต่ละวันให้ดี ถ้าคุณทำงานจากบ้านให้จั ดตารางประจำวันเหมือนกับว่าคุ ณต้องไปทำงาน ตื่นเช้าตามเวลาไปทำงานปกติ และอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย คุณไม่จำเป็นต้องใส่ชุดทำงานเต็ มยศ แต่เลือกชุดทำงานที่ใส่สบาย ๆ แล้วก็ต้องจัดพื้นที่ทำงานให้มี สิ่งรบกวนน้อยที่สุดเพื่อให้คุ ณมีสมาธิ และจำไว้ว่าต้องมีพักเบรคระหว่ างวันเพื่อผ่อนคลาย มีหลายคนที่ทำงานจากบ้านมักตั วติดกับโต๊ะทำงานตลอดวันและไม่ ลุกมาเคลื่อนไหวร่างกายเลย การพักเบรคเหมือนที่คุณเคยได้พั กตอนอยู่ออฟฟิศจะช่วยให้คุณรู้ สึกมีระเบียบชีวิตชัดเจนและไม่ รู้สึกแปลกไปจากวิถีชีวิตปกติ
เราต้องจำไว้ว่าความเครียดเป็ นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่มันทำให้ประสิทธิ ภาพในการทำงานของเราลดลง และส่งผลร้ายต่อสุขภาพร่ างกายและจิตใจ การรู้วิธีการจัดการความเครี ยดและนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวั นจะช่วยให้คุณสามารถดูแลตั วเองและเอาชนะปัญหาความเครี ยดได้ในท้ายที่สุด
กดไลค์เราที่เฟซบุ๊ค พร้อมอีกหลากหลายเคล็ดลับดี ๆ เพื่อสุขภาพที่ดีและไลฟ์สไตล์ที่ กระฉับกระเฉง ได้ที่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น