ส.ส. กรณิศ เอาจริง! หยุดผลกระทบสร้างอาคารสูงใน กทม. พบเขตวัฒนาหนักสุด! จี้แก้ “กฎหมายผังเมือง” เน้นประชาชนมีส่วนร่วม

ส.ส. กรณิศ เอาจริง! หยุดผลกระทบสร้างอาคารสูงใน กทม.

พบเขตวัฒนาหนักสุด! จี้แก้ “กฎหมายผังเมือง” เน้นประชาชนมีส่วนร่วม

จากปัญหาการก่อสร้างอาคารสูงในกรุงเทพฯ ซึ่งสร้างปัญหา ความเดือดร้อนให้กับประชาชนมาอย่างยาวนาน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ทุกมิติ ทั้งด้านความปลอดภัย ด้านสาธารณูปโภค การจราจร สาธารณสุข และสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมโทรม ล้วนมีผลจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มากมายที่เกิดขึ้น

ส.ส. กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย และวัฒนา กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) 2 สมัย ซึ่งติดตามการแก้ปัญหานี้มาต่อเนื่อง โดยลงพื้นที่รับฟังปัญหา ความเดือดร้อน และเสียงสะท้อนต่างๆ ของประชาชน ซึ่งจากการลงพื้นที่ล่าสุด พบว่า มีการก่อสร้างตึกสูงในซอยสุขุมวิท 16,38,61,59 ซอยเอกมัย 63,26-28,6,12 และซอยวังปลายเนิน และมีกว่า 10 ชุมชนที่ได้รับกระทบในเรื่องสิ่งแวดล้อมและสภาพความเป็นอยู่

โดยประชาชนในพื้นที่ส่วนหนึ่ง ได้มีการตั้งข้อสังเกตถึงข้อกฎหมายผังเมืองว่า เหตุใดจึงไม่มีการควบคุมเรื่องการก่อสร้างอาคารสูง ปล่อยให้มีการก่อสร้างอย่างไร้ขีดจำกัด โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของชุมชนที่อยู่มาก่อน  

ส.ส. กรณิศ กล่าวว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากหลายๆ ชุมชน ทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ แต่เขตวัฒนา ถือเป็นอันดับหนึ่งในการขอสร้างอาคารสูง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม จึงได้ร่วมกับเพื่อน ส.ส. ยื่นกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย  เกี่ยวกับผลกระทบจากการก่อสร้างอาคารสูงในเขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะในปัญหาทางกฎหมายที่เปิดช่องให้เกิดการตีความเพื่อประโยชน์ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือกลุ่มทุนใดกลุ่มทุนหนึ่ง

รวมถึงการพิจารณาผังเมืองใหญ่ของหน่วยราชการ ที่ต้องมีการนำเสนอข้อมูลต่อสาธารณะ โดยขอให้เปิดโอกาสให้ภาคประชาชน เข้าไปมีส่วนร่วมในการพิจารณาจัดทำกฎหมายผังเมือง เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาทำความเข้าใจ และมีผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม

จากนี้ตนจะดำเนินการติดตามการทำงานของทาง กทม. ต่อเนื่อง ซึ่งขณะนี้มีวาระการพิจารณากฎหมายผังเมืองใหม่ กำลังจะรอส่งเข้าไปที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อที่จะบังคับใช้กฎหมายผังเมืองใหม่ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับปัญหาการก่อสร้างอาคารสูงที่ประชาชนร้องเรียนมา เพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหา และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนได้อย่างยั่งยืน ในระยะยาว