“จุรินทร์”เป็นหัวหน้าเซลส์แมน นำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางเจาะตลาดอินเดียเป็นรายรัฐ รอบนี้ลุยเมืองเบงกาลูรู และไฮเดอราบัด เตรียมจัดกิจกรรมเจรจาธุรกิจเปิดโอกาสขายสินค้าไทย สร้างเครือข่ายสินค้าวัสดุก่อสร้าง ยางพารา จับมือห้างส่งเสริมการขายอาหาร ผลไม้ พร้อมเปิดตัวร้านค้าออนไลน์ของไทยในเว็บชื่อดังของอินเดีย
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมจัดโครงการนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนอินเดียรอบใหม่ นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปยังเมืองเบงกาลูรู และไฮเดอราบัด ระหว่างวันที่ 16-20 ม.ค.2563 เพื่อเร่งขยายโอกาสและลู่ทางการส่งออกสินค้าและธุรกิจบริการของไทยสู่ตลาดอินเดียให้ได้เพิ่มขึ้น
“ตลาดอินเดีย เป็นหนึ่งในเป้าหมายการขยายตลาดเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ ตามนโยบายที่นายจุรินทร์ขอให้เจาะลึกเป็นรายรัฐ ซึ่งกรมฯ ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 8 รัฐ ได้แก่ รัฐมหาราษฏระ รัฐคุชราต รัฐกรณาฏกะ รัฐทมิฬนาฑู รัฐเตลังกานา นิวเดลี รัฐเบงกอลตะวันตก และรัฐเจ็ดสาวน้อยหรือรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และการเดินทางครั้งนี้ เป็นการเจาะเพิ่มใน 2 รัฐ คือ รัฐกรณาฏกะและรัฐเตลังกานา”
ทั้งนี้ ทั้ง 2 รัฐดังกล่าว เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีของอินเดีย ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจอื่นๆ ตามมาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า การท่องเที่ยว เป็นต้น ทำให้มีความต้องการสินค้าและบริการต่างๆ อีกมากเพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง จึงเป็นโอกาสสำหรับสินค้าและบริการของไทย
นายสมเด็จกล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้ กรมฯ จะจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่เจรจาธุรกิจในสินค้าประเภทต่างๆ ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น แป้งมันสำปะหลัง ไม้ยางพารา อาหาร ผลไม้ วัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง เป็นต้น การจัดกิจกรรมสัมมนาและสร้างเครือข่ายธุรกิจร่วมกับสภาธุรกิจไทย-อินเดียในกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่ง การจัดสัมมนาโอกาสของไม้ยางพาราไทยในตลาดอินเดียร่วมกับสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าอาหารและผลไม้ไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำของอินเดีย 2 แห่ง
นอกจากนี้ จะจัดพิธีเปิดตัวร้านค้าออนไลน์ของไทย (TOPTHAI Store) บนเว็บไซต์ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของอินเดีย คือ Bigbasket.com เป็นครั้งแรก หลังจากที่กรมฯ เพิ่งลงนาม MOU กับเว็บไซต์ดังกล่าวในช่วงการจัดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนพ.ย.2562ที่ผ่านมา
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กรมฯ เตรียมจัดโครงการนำคณะผู้แทนการค้าภาครัฐและเอกชนเดินทางเยือนอินเดียรอบใหม่ นำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปยังเมืองเบงกาลูรู และไฮเดอราบัด ระหว่างวันที่ 16-20 ม.ค.2563 เพื่อเร่งขยายโอกาสและลู่ทางการส่งออกสินค้าและธุรกิจบริการของไทยสู่ตลาดอินเดียให้ได้เพิ่มขึ้น
“ตลาดอินเดีย เป็นหนึ่งในเป้าหมายการขยายตลาดเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ ตามนโยบายที่นายจุรินทร์ขอให้เจาะลึกเป็นรายรัฐ ซึ่งกรมฯ ได้กำหนดเป้าหมายไว้ 8 รัฐ ได้แก่ รัฐมหาราษฏระ รัฐคุชราต รัฐกรณาฏกะ รัฐทมิฬนาฑู รัฐเตลังกานา นิวเดลี รัฐเบงกอลตะวันตก และรัฐเจ็ดสาวน้อยหรือรัฐทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย และการเดินทางครั้งนี้ เป็นการเจาะเพิ่มใน 2 รัฐ คือ รัฐกรณาฏกะและรัฐเตลังกานา”
ทั้งนี้ ทั้ง 2 รัฐดังกล่าว เป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือไอทีของอินเดีย ส่งผลให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจอื่นๆ ตามมาอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นที่พักอาศัย โรงแรม ห้างสรรพสินค้า การท่องเที่ยว เป็นต้น ทำให้มีความต้องการสินค้าและบริการต่างๆ อีกมากเพื่อรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง จึงเป็นโอกาสสำหรับสินค้าและบริการของไทย
นายสมเด็จกล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้ กรมฯ จะจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่เจรจาธุรกิจในสินค้าประเภทต่างๆ ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม เช่น แป้งมันสำปะหลัง ไม้ยางพารา อาหาร ผลไม้ วัสดุก่อสร้าง เครื่องสำอาง เป็นต้น การจัดกิจกรรมสัมมนาและสร้างเครือข่ายธุรกิจร่วมกับสภาธุรกิจไทย-อินเดียในกลุ่มสินค้าวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่ง การจัดสัมมนาโอกาสของไม้ยางพาราไทยในตลาดอินเดียร่วมกับสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าอาหารและผลไม้ไทยร่วมกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำของอินเดีย 2 แห่ง
นอกจากนี้ จะจัดพิธีเปิดตัวร้านค้าออนไลน์ของไทย (TOPTHAI Store) บนเว็บไซต์ซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดของอินเดีย คือ Bigbasket.com เป็นครั้งแรก หลังจากที่กรมฯ เพิ่งลงนาม MOU กับเว็บไซต์ดังกล่าวในช่วงการจัดโครงการจับคู่ธุรกิจสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูปที่กรุงเทพฯ เมื่อเดือนพ.ย.2562ที่ผ่านมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น