เรื่องของต่อมลูกหมากเป็นเรื่องของผู้ชายโดยเฉพาะ และส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ชายเกือบทุกคนจะมีปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมากทั้งสิ้น
ตำแหน่งของต่อมลูกหมากอยู่ล้อมรอบฐานของกระเพาะปัสสาวะ มีขนาดเท่ากับมะนาวลูกเล็ก ๆ และก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพได้ 3 ประการคือ ต่อมลูกหมากอักเสบ ต่อมลูกหมากโต และมะเร็งของต่อมลูกหมาก
อาการที่เกี่ยวข้องกับต่อมลูกหมาก
เนื่องจากต่อมลูกหมากอยู่ลึก และมองไม่เห็น เวลาต่อมลูกหมากมีปัญหาจึงสังเกตได้ยากกว่าปัญหาของอวัยวะอื่น ผู้ชายทุกคนจึงควรรู้ไว้ก่อนว่าอาการที่จะเกิดขึ้นกับต่อมลูกหมากมีอะไรบ้าง จะได้ไปตรวจหาสาเหตุของโรคเสียแต่เนิ่น ๆ
อาการเจ็บหรือระคายเคืองบริเวณท้องน้อยส่วนล่างอาจจะเกิดจากต่อมลูกหมากอักเสบ ต่อมลูกหมากโตแล้วเกิดอักเสบ แต่อาการอื่น ๆ ที่จะบ่งบอกว่าต่อมลูกหมากมีปัญหามีดังต่อไปนี้คือ
ปัสสาวะมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ปัสสาวะไม่เป็นสาย ปัสสาวะไม่พุ่ง ปัสสาวะบ่อย รู้สึกว่ากระเพาะปัสสาวะเต็มอีกแล้วทั้ง ๆ ที่เพิ่งปัสสาวะ ปัสสาวะสะดุด เมื่อปัสสาวะสุดแล้วยังมีปัสสาวะหยดออกมาอีก กลั้นปัสสาวะไม่ค่อยอยู่ ปัสสาวะออกมามีเลือดปน เมื่อหลั่งน้ำอสุจิแล้วรู้สึกเจ็บ ปัสสาวะแสบหรือรู้สึกระคายเคือง เจ็บบริเวณหัวเหน่า ปวดหลังและบริเวณสะโพกเรื้อรัง ปวดอัณฑะหรืออัณฑะบวม เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกแทบจะไม่มีอาการแสดงอะไรเลย หากมีอาการชัดเจนแล้ว เช่น เลือดออกเป็นต้น แปลว่าเป็นอาการระยะท้ายซึ่งจะรักษายาก ดังนั้นผู้ชายวัย 45 ปีขึ้นไปควรตรวจเช็คต่อมลูกหมาก และตรวจเลือดหาค่าของ PSA เป็นประจำ
ควรรู้ไว้ว่า ผู้ชายอายุ 60-70 ปี จำนวนครึ่งหนึ่งที่จะมีต่อมลูกหมากโต และผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปจำนวน 70% ที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
อะไรบ้างเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคของต่อมลูกหมาก
กรรมพันธุ์ ใครก็ตามที่มีญาติสายตรงมีต่อมลูกหมากโต หรือเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก โอกาสที่จะเป็นโรคดังกล่าวมีมากกว่า และมักจะเป็นโรคนี้เมื่ออายุยังน้อย
อาหาร มีหลักฐานแน่นอนว่า หากกินอาหารไขมันสูงเกินไป อาหารแคลอรี่สูงเกินไป จะทำให้เพิ่มอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากเป็น 2 เท่าของคนที่กินไขมันน้อยกว่า หรือคนที่กินอาหารปริมาณน้อยกว่า ดังนั้นอาหารไทยแท้ ๆ ประเภทแกงส้ม ต้มยำ น้ำพริก จะดีกว่าอาหารมัน ๆ แบบอาหารฝรั่งหรืออาหารจีน
มีหลักฐานว่า ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง เต้าหู้ น้ำเต้าหู้เป็นต้น ผักสดและผลไม้สด สามารถลดอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากลง
กิจกรรมทางเพศ ใครก็ตามที่เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มาก่อน จะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากประมาณ 2 เท่า มีกระทั่งรายงานในอเมริกาว่า หากมีคู่นอนหลายคนก็จะมีโอกาสป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากมากกว่า
บุหรี่ เป็นที่แน่นอนว่าคนที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากมากกว่าคนไม่สูบบุหรี่ถึง 3 เท่า
ฮอร์โมน โดยเฉพาะฮอร์โมน DHEA (dehydroepiandrosterone) ซึ่งนิยมใช้เพื่อชะลอความชรา ใช้เผาผลาญไขมัน เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และเพิ่มภูมิต้านทาน ใช้รักษาอัลไซม์เมอร์และพาร์กินสันในบางราย ฮอร์โมนดังกล่าวจะทำให้ต่อมลูกหมากบวมและโตขึ้น และคาดว่าน่าจะเพิ่มอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก
ดังนั้นหากไม่อยากเป็นโรคของต่อมลูกหมาก ควรเลี่ยงปัจจัยดังที่กล่าวมา
ค่าของ PSA
PSA เป็นการตรวจเลือดหาค่าของ prostate specific antigen ซึ่งหากมีค่าที่สูงกว่าปกติ คือประมาณ 4 ng/mL ก็แสดงว่าก็น่าสงสัยว่าต่อมลูกหมากอาจจะผิดปกติ
แต่ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรคของทางเดินปัสสาวะของเมโย คลินิก ยอมให้คนที่มีอายุมากขึ้นมีค่าปกติ ของ PSA ที่สูงขึ้น ดังนี้ อายุ 60 PSA= 4 อายุ 65 PSA=4.5 อายุ 70 PSA= 5.3 อายุ 75 PSA=6.2 อายุ 80 หรือมากกว่า PSA=7.2 แสดงว่าเมื่ออายุมากขึ้นค่าของ PSA ที่ปกติก็สูงขึ้นตาม
ยังมีการตรวจเลือดอีกแบบหนึ่งคือการหา % free PSA ซึ่งถ้าค่าของ % free PSA ต่ำกว่า 20 แสดงว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก 20% ค่า%free PSA ยิ่งต่ำ ยิ่งมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้น
ถ้าไปตรวจเลือดมาแล้ว หากได้ผลการตรวจออกมาเป็นเช่นไร ลองพิจารณาตามตารางข้างใต้นี้เพื่อจะได้รู้ว่าคุณมีอัตราเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากแค่ไหน
ค่า PSA และค่า % free PSA
● ค่าPSA
ถ้าตรวจพบว่าค่า PSA ในเลือดเป็นเท่าไร พอจะบอกอัตราเสี่ยงของมะเร็งได้ดังนี้ (ค่ายิ่งมาก ยิ่งเสี่ยงเป็นมะเร็งมาก)
0-2 อัตราเสี่ยงของมะเร็ง 1%
2-4 15%
4-10 25%
● ค่า % free PSA สามารถบอกอัตราเสี่ยงได้ดังนี้ (ค่ายิ่งมากยิ่งมีอัตราเสี่ยงน้อย)
0-10 อัตราเสี่ยงของมะเร็ง 56%
10-15 28%
15-20 20%
20-25 16%
มากกว่า 25 8%
วิธีป้องกันโรคของต่อมลูกหมาก
การป้องกันโรคของต่อมลูกหมากมีความจำเป็นสำหรับผู้ชายที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้ และยังจำเป็นสำหรับผู้ชายทุกคนที่อยู่ในวัยใกล้ 60 ปีหรือมากกว่า
มาตรการป้องกันต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมากไม่ได้แตกต่างไปจากการดูแลตัวเองด้วยธรรมชาติบำบัดอื่น ๆ แต่อย่างใด นั่นคือหนีไม่พ้นต้องปรับอาหาร เปลี่ยนพฤติกรรม
1. อาหาร
นอกจากเลี่ยงการกินที่ล้นเกิน และเลี่ยงอาหารไขมันสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นมวัว เนย และผลิตภัณฑ์จากนมวัวทุกชนิดซึ่งมีรายงานชัดเจนว่านมวัวเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมาก นอกจากนี้ ครีมเทียม กะทิ ข้าวมันไก่ ขาหมู ฯลฯ ก็จำเป็นต้องเลี่ยงด้วย
สำหรับเครื่องดื่มที่ต้องระวังคือ แอลกอฮอล เนื่องจากแอลกอฮอลทำให้ต่อมลูกหมากบวมเสมอ ใครก็ตามที่มีต่อมลูกหมากโตแล้วจำเป็นต้องงดแอลกอฮอลอย่างเด็ดขาด โดยทั่วไปแลอกออลกินได้ไม่มากนักหรอก อย่างไวน์ก็วันละเพียง 30-50 ซีซี วิสกี้บรั่นดี 15 ซีซี ไลท์เบียร์ 1 กระป๋อง เพียงปริมาณนี้เท่านั้นจึงจะไม่กระเทือนต่อต่อมลูกหมาก
อาหารในชีวิตประจำวันควรเป็นข้าวกล้องทุกมื้อ ผักสดและผลไม้สดปริมาณมากพอ ได้แก่ ผักสด 2 จานเล็ก ผลไม้สดขนาดเท่ากับแอบเปิล 2 ลูก และน้ำผลไม้คั้นสด ๆ 200 ซีซี
อาหารที่แนะนำ เนื่องจากพบว่ามีสารอาหารบางตัวที่สามารถต้านมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ได้แก่
●มะเขือเทศ เนื่องจากมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศทุกชนิดมี ไลโคปีน ซึ่งเป็นสีแดงในมะเขือเทศ มีบทบาทเป็นสารต้านอนุมูลอิสระฤทธิ์แรง ป้องกันกระบวนการเสื่อมของเซลล์ต่อมลูกหมากได้ดี มีรายงานว่าไลโคปีนสามารถป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ดูเหมือนว่ามะเขือเทศสุกเช่น น้ำมะเขือเทศ ซุปมะเขือเทศ จะดีกว่ามะเขือเทศสด เนื่องจากการทำให้สุก ทำให้ไลโคปีนถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่า
นอกจากนี้ไลโคปีนในมะเขือเทศยังสามารถลดอัตราเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ เต้านม ปอด และมะเร็งกระเพาะอาหารได้ด้วย
เรายังสามารถหาไลโคปีนได้จากผลไม้อื่น ๆ ได้แก่ แตงโม ฝรั่ง และสับปะรด
● ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
ในถั่วเหลืองมีสารไอโซฟลาโวนซึ่งสามารถปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศในร่างกายสู่สมดุล เนื่องจากเรารู้ว่าฮอร์โมนเพศเทสโตสเตอโรนกระตุ้นให้เกิดต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมาก ไอโซฟลาโวนทำให้การกระตุ้นของเทสโตสเตอโรนน้อยลงจึงสามารถลดอัตราเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมาก
ในเอเซีย ประเทศที่กินถั่วเหลืองเป็นประจำเช่นจีนกับญี่ปุ่น พบว่าสถิติการป่วยด้วยโรคของต่อมลูกหมากน้อยกว่าประเทศในแถบอื่นมาก
● ชาเขียว
ชาเขียวมี EGCG ( epigallocatechingallate) ซึ่งต้านการเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีรายงานว่าสารสะกัดจากชาเขียวเข้มข้นสามารถกระทั่งฆ่าเซลล์มะเร็งของต่อมลูกหมากได้ หมายความว่าจะต้องกินสารสะกัด EGCG เป็นเม็ด ไม่ใช้แค่ดื่มชาเขียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในรายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะท้ายที่ไม่ตอบสนองต่อฮอร์โมนแล้ว จะใช้ EGCG ไม่ได้ผล
● กระหล่ำและพืชตระกูลกระหล่ำ
ได้แก่ กระหล่ำดอก กระหล่ำปลี กระหล่ำปลีสีม่วง กระหล่ำดาว บร็อคโคลี่ ผักกาดฮ่องเต้ รวมไปถึงหัวผักกาดด้วย เหล่านี้มีสารตั้งต้นของกลูตาไทโอน สามารถกระตุ้นการขับสารพิษของตับ และต้านมะเร็งได้หลายตัวรวมทั้งมะเร็งต่อมลูกหมาก
● กระเทียม
เนื่องจากมีรายงานว่าในท้องที่ซึ่งกินกระเทียมกันมากมีสถิติการป่วยด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากน้อยกว่า ว่ากันว่ากระเทียมมีกำมะถันสูง และนี่เองที่สามารถทำให้กระเทียมป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากได้
● เมล็ดฟักทอง
มีสังกะสีสูง สังกะสีที่มากพอจะช่วยป้องกันโรคของต่อมลูกหมากได้ดี รวมทั้งป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย สมัยโบราณ หมอยาไทยแนะนำให้คนที่ปัสสาวะลำบากจากต่อมลูกหมากโต กินเมล็ดฟักทอง วันละ 60 เมล็ดเพื่อแก้อาการนี้
2.ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วร่างกาย ทำให้ภูมิต้านทานโดยรวมดีขึ้น รวมทั้งช่วยคลายเครียด การออกกำลังกายที่ถูกต้องจะช่วยทำให้สารเอนดอร์ฟินส์หลั่ง ทำให้เกิดอาการปิติ สบายเนื้อตัว และช่วยป้องกันมะเร็งโดยทั่วไป รวมทั้งมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
การออกกำลังกายที่ดีจะต้องออกแรงมากพอ คือใช้ความสามารถทั้งหมด 60% ออกกำลังกายครั้งละนานกว่า 30 นาทีขึ้นไป และที่สำคัญกว่าคือต้องสม่ำเสมอ เช่นสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
วิธีการออกกำลังกายนั้นแล้วแต่ถนัดได้แก่ เดิน เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เดินในน้ำ เต้นแอโรบิก แอโรบิกในน้ำ เต้นรำ เล่นเทนนิส เดินป่า ตีกอล์ฟ เป็นต้น
นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบตะวันออกจะช่วยได้มาก เช่นไท้เก็ก ชี่กง โยคะ ซึ่งหากทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายโดยทั่วไปจะช่วยเสริมภูมิต้านทานให้แข็งแกร่งขึ้น
3.คลายเครียดและสมาธิ
เนื่องจากโรคของต่อมลูกหมากเกิดกับผู้ชายวัยเกษียณเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมักจะเป็นวัยเปลี่ยนของผู้ชาย จนกระทั่งกล่าวกันว่าเป็น “วัยทอง” ของเพศชาย
การปรับตัวในวัยนี้มีความจำเป็น วิธีคลายเครียดยิ่งมีความจำเป็นเพื่อสุขภาพโดยรวมและสุขภาพต่อมลูกหมาก การหางานอดิเรกที่ไม่เครียดทำ ใช้เสียงเพลง การฝึกสมาธิ การสวดมนตร์ ล้วนมีผลต่อจิตสงบทั้งสิ้น
4. วิตามินและอาหารเสริม
● สังกะสี วันละ 50-100 มก.
● เซเลเนียม วันละ 200 ไมโครกรัม
● เบต้าแคโรทีน วันละ 18-36 มก.
● วิตามินซีชีวภาพ วันละ 4000 มก.
● วิตามินอี วันละ 800 หน่วยสากล
ซึ่งทั้งหมดนี้หาได้จากอาหารที่แนะนำเอาไว้แล้วข้างต้น หากกินอาหารให้ครบส่วนแล้วก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกินวิตามินและอาหารเสริมแต่อย่างใด
ที่มา: พญ.ลลิตา ธีระสิริ
วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563
ป้องกันโรคของต่อมลูกหมาก
Tags
# การแพทย์ สุขภาพ พลนามัย
Share This
About preecha binmanoch
การแพทย์ สุขภาพ พลนามัย
ป้ายกำกับ:
การแพทย์ สุขภาพ พลนามัย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
Author Details
Templatesyard is a blogger resources site is a provider of high quality blogger template with premium looking layout and robust design. The main mission of templatesyard is to provide the best quality blogger templates which are professionally designed and perfectlly seo optimized to deliver best result for your blog.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น