กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำและชาวประมงท้องถิ่น จ.สมุทรสงคราม โอด ฟาร์มหมูในพื้นที่ จ.ราชบุรี ฉวยโอกาสช่วงฝนตก ลักลอบปล่อยน้ำเสียฟาร์มหมูลงคลองสาธารณะ น้ำขี้หมูไหลข้ามจังหวัด ทำบ่อเลี้ยงปลาและฟาร์มหอยแครงในพื้นที่ คลองโคน – บางตะบูน ตายยกฟาร์ม ก่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมนับแสนล้านบาท
ปัญญา โตกทอง ตัวแทนกลุ่มผู้ใช้น้ำในพื้นที่ ต.แพรกหนามแดง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมาว่า นับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงปลากระชัง บ่อกุ้ง บ่อปลา ผู้เลี้ยงหอยแครง หอยแมลงภู่ หอยนางรม หอยกระปุก และชาวประมงพื้นบ้านใน จ.สมุทรสงคราม กว่า 10,000 ราย ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำเสียจากฟาร์มหมูที่ไหลลงมาตามคลองห้วยโรง คลองวันดาว และคลองปากท่อ ตลอดจนคลองอื่นๆจาก จ.ราชบุรี และกระจายไปตามลำน้ำสาขาต่างๆ จนทำให้สัตว์น้ำที่เพาะเลี้ยงไว้ตายเป็นจำนวนมาก
“หลังจากฝนเริ่มตกในช่วงต้นฤดูฝน ฟาร์มหมูหลายร้อยฟาร์มในพื้นที่ จ.ราชบุรี ได้ฉวยโอกาสแอบปล่อยน้ำขี้หมูที่ไหลปนลงมาตามคลอง ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในพื้นที่ท้ายน้ำใน จ.สมุทรสงคราม ต่างได้รับผลกระทบจากน้ำเสีย ปลา กุ้ง หอย ที่เลี้ยงไว้ตายเกือบหมด สร้างความเสียหายรวมหลายแสนล้านบาท” ปัญญา กล่าว
“น้ำเสียจากฟาร์มหมูยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทะเล เพราะแอมโมเนียในน้ำขี้หมูทำให้เกิดปรากฎการณ์แพลงตอนบลูม สัตว์น้ำหน้าดินขาดอากาศหายใจตาย ทำลายฟาร์มหอยแครงในอ่าวบางตะบูน ส่งผลกระทบต่อการประมงชายฝั่งในพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม และพื้นที่รอยต่อ จ.เพชรบุรี อย่างรุนแรง”
เขาเปิดเผยว่า ปัญหาน้ำเสียฟาร์มหมูปีนี้สาหัสกว่าปีก่อนๆ มาก โดยตัวเขาเอง น้ำเสียจากฟาร์มหมูได้ทำให้ปลาสลิดในฟาร์มของเขาที่กำลังเติบโตตายเกือบยกบ่อ ส่งผลให้ฤดูกาลนี้เขาต้องขาดทุนกว่า 800,000 บาท เพราะจำต้องจับปลาสลิดที่เหลือมาขายก่อน ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ขนาด
“ปัญหาน้ำเสียฟาร์มหมูเป็นปัญหาซ้ำซากที่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ และชาวประมงใน จ.สมุทรสงคราม ประสบเกือบทุกปีเป็นเวลากว่า 20 ปี แล้ว ผู้ได้รับผลกระทบน้ำเสียฟาร์มหมูในพื้นที่ 3 จังหวัด ราชบุรี สมุทรสงคราม และเพชรบุรี ได้เดินเรื่องร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด กระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ผู้ตรวจการแผ่นดิน จนไปถึง กอรมน. (กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร) ให้ช่วยแก้ปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายปัญหาก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข” เขากล่าว
“ผมรู้จักกับเจ้าของฟาร์มหมูแห่งหนึ่งใน จ.ราชบุรี เขาบอกว่าอย่าร้องเรียนเลย เพราะจะเป็นการทำลายธุรกิจฟาร์มหมูมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท แต่ผมยืนยันว่าธุรกิจของเขาสร้างผลกระทบให้กับผู้คนจำนวนมากตั้งแต่ออกจากฟาร์มจนไปถึงทะเล สร้างความเสียหายถึงกว่าแสนล้านบาท ผมถือว่าธุรกิจของเขาละเมิดสิทธิชุมชนอย่างร้ายแรง เป็นการทำธุรกิจที่ไม่ชอบธรรม”
เขาระบุว่า สาเหตุหลักที่ทำให้การแก้ไขปัญหาน้ำเสียฟาร์มหมูไม่คืบหน้าก็เพราะเจ้าของฟาร์มหมูหลายรายเป็นเครือญาติกับผู้นำและนักการเมืองท้องถิ่น ได้รับผลประโยชน์ร่วมจากธุรกิจฟาร์มหมู แม้ว่าการลักลอบปล่อยน้ำเสียโดยปราศจากการบำบัดจะขัดกับกฎหมายชัดเจน ดังนั้นเขาจึงเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตรวจสอบ เอาผิด และบังคับใช้กฎหมายต่อธุรกิจฟาร์มหมูที่สร้างปัญหาอย่างเคร่งครัด
ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ชรัส บุญณสะ กล่าวว่า ตนได้รับทราบถึงปัญหาน้ำเสียฟาร์มหมูในพื้นที่แล้ว และได้สั่งการให้แก้ปัญหาน้ำเสียในเบื้องต้นก่อน โดยการกำจัดผักตบชวาในลำคลอง ชะลอน้ำเสียไม่ให้ไหลสร้างผลกระทบเพิ่มเติม และบำบัดน้ำโดยการใช้ EM Ball และเครื่องตีน้ำเติมอากาศ
“สำหรับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเสีย ให้เกษตรกรแจ้งความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทางประมงจังหวัดได้ทันที โดยทางกรมประมงและจังหวัดจะเร่งหาทางชดเชยช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด” ชรัส กล่าว
นอกจากนี้ เขายังเปิดเผยว่า ทางจังหวัดได้แจ้งต่อสำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาค 8 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการดูแลป้องกันปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ให้เข้ามาเก็บตัวอย่างน้ำ และดำเนินการแก้ไขปัญหาน้ำเสียแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น