เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นบุกกรมโยธาธิการและผังเมือง ทวงถามความชอบธรรมการเปลี่ยนสีผังเมืองจะนะ จากสีเขียวเป็นสีม่วง รับการพัฒนาโครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต ย้ำหากผังเมืองเปลี่ยน วิถีประมงเกษตรยั่งยืนของชาวบ้านจะถึงกาลสูญสิ้น
เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 ลูกสาวแห่งทะเลจะนะ หรือ “น้องยะห์” ไครียะห์ ระหมันยะ ตัวแทนชาวบ้านจาก อ.จะนะ จ.สงขลา เดินทางเข้ายื่นหนังสือแก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง ในกรณีการวางแผนเปลี่ยนผังเมืองพื้นที่ 3 ตำบล ให้เป็น “พื้นที่สีม่วง” ซึ่งเป็นพื้นที่ สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมและคลังสินค้า ที่จัดทำโดยศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) โดยพื้นที่ดังกล่าวจะกลายเป็นพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมซึ่งกินพื้นที่กว่า 16,753 ไร่ อันอยู่ภายใต้โครงการเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
นอกจากนี้น้องยะห์ มีความประสงค์จะสอบถาม กรมโยธาธิการและผังเมือง เพิ่มเติมว่าการเปลี่ยนผังเมืองนี้เป็นอำนาจหน้าที่ของใคร และอยู่ในขอบเขตของ ศอ.บต. หรือไม่ โดยเธอตั้งข้อสังเกตว่า โครงการนิคมอุตสาหกรรมเป็นโครงการของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่ง ศอ.บต. ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการขับเคลื่อนในเรื่องของเศรษฐกิจ แต่ควรที่จะไปทำหน้าที่เรื่องการรักษาความสงบในชายแดนภาคใต้มากกว่า
น้องยะห์ ชี้ว่า พื้นที่ที่ผังเมืองจะถูกเปลี่ยนเป็นสีม่วงตั้งอยู่ริมอ่าวไทยในพื้นที่ ต.นาทับ ต.ตลิ่งชัน และ ต.สะกอม ซึ่งเป็นแหล่งชุมชนที่ประกอบอาชีพประมงกันเป็นส่วนใหญ่ สร้างรายได้กว่า 10,000 – 40,000 บาท การเข้ามาของนิคมอุสาหกรรมจึงอาจกระทบกับการทำมาหากิน อาจทำลายสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ
“ผังเมืองสีเขียวนั้นมีความหมายกับชาวบ้านมาก เพราะว่าเป็นพื้นที่เกษตรกรรม แต่ในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2563 นั้นจะมีเวทีรับฟังความคิดเห็น ในการเปลี่ยนผังเมืองสีเขียว ทั้งหมด 16753 ไร่ ให้เป็นสีม่วง เพื่อที่จะมารองรับนิคมอุตสาหกรรม” เธอกล่าว
“ในทางกฎหมายแล้วพื้นที่สีเขียวตรงนี้ไม่สามารถทำอุตสาหกรรมได้ ตอนนี้ชาวบ้านทั้งหมดได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันแล้วว่าจะร่วมมือกับกรมโยธาธิการและผังเมือง กับ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ว่าจะไม่ให้เกิดผังเมืองสีม่วงขึ้น”
อย่างไรก็ดี เธอชี้ว่า ถ้าผังเมืองตรงนี้เปลี่ยนเป็นสีม่วง ชาวบ้านก็จะได้รับผลกระทบจากนิคมอุตสาหกรรม เช่น การปล่อยน้ำเสียลงทะเลที่ทำให้ระบบนิเวศพัง และชาวบ้านจะประกอบอาชีพประมงไม่ได้เนื่องจากไม่มีปลา และจะมีเรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เข้ามา ทำให้เรือลำเล็กของชาวประมงออกไปหาปลาไม่ได้ ส่วนบนฝั่งก็จะได้รับผลกระทบจากมลพิษในดินและอากาศส่งผลให้ทำเกษตรกรรมไม่ได้เพราะมลพิษเยอะเกินไป
เช่นเดียวกับ สมบูรณ์ คำแหง แกนนำนักปกป้องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จังหวัดสตูล ได้ตั้งข้อสงสัยต่ออำนาจการทำงานของ ศอ.บต. และเล่าว่าองค์กรดังกล่าวเคยอ้างว่า พระราชบัญญัติ การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ 2553 ให้อำนาจในการประกาศเขตพัฒนาพิเศษได้ เพื่อที่จะดำเนินการตั้งนิคมอุตสาหกรรม
ด้าน อนวัช สุวรรณเดช รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง ได้อธิบายกรณีการเปลี่ยนผังเมืองว่า ในพระราชบัญญัติการผังเมือง ปี 2562 ระบุว่าผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดทำผังเมืองนั้นมี 2 กลุ่ม กล่าวคือ กรมโยธาธิการและผังเมือง หรือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล หรือเทศบาล เป็นต้น
“จนกระทั่งได้ข่าวว่ามีผังใหม่ออกมา คำถามผม ก็คือคำถามเดียวกับพี่ว่า ผังนี้มันมาได้อย่างไร ซึ่งผู้ที่จะปรับผังนั้น ก็คืออบจ.” อนวัช กล่าว
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า “คำถามที่ถามว่า ศอ.บต. ทำได้ไหม ถ้าผมตอบตาม พรบ. การผังเมือง 2562 ก็ยืนยันตามนี้ว่าทำได้สองคนเท่านั้น ก็คือถ้าผม (กรมโยธาฯ) ทำ ก็จะออกมาเป็นประกาศกระทรวงมหาดไทยที่ผ่านคณะกรรมการผังเมืองกลาง แต่ถ้ากรณีท้องถิ่นดำเนินการ ก็จะเข้ากรรมาธิการผังเมืองจังหวัด”
เขาชี้ว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด มีอำนาจในการปรับผังได้ก็ต่อเมื่อผ่านการวิเคราะห์ รับฟังความคิดเห็น และได้ข้อยุติจากภาคประชาชนแล้ว จึงจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของกรรมาธิการผังเมืองของจังหวัดได้
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม เครือข่ายจะนะรักษ์ถิ่นได้ได้ยื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ สำนักงาน กปร. ที่หน้าทำเนียบ ขอให้ยกเลิก มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 และ มติ ครม. ของวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2563 ที่จะผลักดันให้เมืองจะนะกลายเป็นเมืองอุตสาหกรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ที่มา:GreenNews
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น