“กรมเจรจาฯ”เผยเอฟทีเอช่วยหนุนส่งออกไม้ดอกไม้ประดับไปตลาดอาเซียนพุ่ง - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

“กรมเจรจาฯ”เผยเอฟทีเอช่วยหนุนส่งออกไม้ดอกไม้ประดับไปตลาดอาเซียนพุ่ง

img

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยโควิด-19 ระบาด ไม่กระทบยอดส่งออกไม้ดอกไม้ประดับของไทยไปอาเซียน ยอดไตรมาสแรกทำได้มูลค่า 4.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 5.05% เหตุได้รับผลดีจากเอฟทีเอ หลัง 9 ประเทศอาเซียนไม่เก็บภาษีนำเข้าจากไทยแล้ว เชื่อสินค้าไทยยังมีศักยภาพ มีโอกาสเติบโต แนะใช้เอฟทีเอสร้างแต้มต่อก่อนส่งออก
        
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้ความต้องการไม้ดอกไม้ประดับในตลาดโลกชะลอตัวลง แต่การส่งออกไปตลาดอาเซียนกลับเติบโตได้ดี โดยการส่งออกช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 4.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.05% โดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวโดดเด่น เช่น ดอกไม้กลุ่มทิวลิป แกลดิโอลัส และยิปโซ มูลค่า 2.4 แสนเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 353% ไม้ประดับประเภทมอสและไลเคน มูลค่า 3.6 แสนเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 97% ขณะที่ดอกกล้วยไม้ที่มีสัดส่วนการส่งออกมากที่สุด มีมูลค่า 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% ส่วนตลาดอาเซียนที่ขยายตัวมากที่สุด คือ มาเลเซีย เพิ่ม 224% รองลงมา คือ เมียนมา เพิ่ม 106% กัมพูชา เพิ่ม 47% และสิงคโปร์ เพิ่ม 35%
        
ทั้งนี้ การส่งออกไม้ดอกไม้ประดับภาพรวมในช่วงไตรมาสแรก มีมูลค่ารวม 30.63 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.23% เป็นการส่งออกไปญี่ปุ่น 5.38 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 3.41% สหรัฐฯ มูลค่า 5.31 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 13.94% อาเซียน 4.99 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.05% สหภาพยุโรป มูลค่า 4.03 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 23.38% และเกาหลีใต้ มูลค่า 1.88 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 9.18%
        
สำหรับปัจจัยที่ทำให้การส่งออกไม้ดอกไม้ประดับของไทยยังเติบโตได้ดีในตลาดอาเซียน เพราะมีข้อได้เปรียบจากการมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ที่ไทยมีกับประเทศสมาชิกอาเซียน โดยปัจจุบันไทยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าในประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 9 ประเทศแล้ว ส่วนคู่เจรจาเอฟทีเอที่เหลือ ทั้งญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี และเปรู ได้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าในสินค้าไม้ดอกไม้ประดับจากไทยแล้ว เหลือเพียงอินเดียที่คงภาษีนำเข้าสินค้าไม้ดอกไม้ประดับบางรายการ
        
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่า ในระยะยาว สินค้าไม้ดอกไม้ประดับของไทยจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีก เพราะมีข้อได้เปรียบจากภูมิประเทศที่อุดมสมบูรณ์ สภาพภูมิอากาศที่ดี และเทคโนโลยีการเพาะปลูกที่มีมาตรฐาน รวมทั้งมีนักปรับปรุงพันธุ์ที่มีความสามารถในการพัฒนาพันธุ์ ทำให้มีไม้ดอกไม้ประดับพันธุ์ใหม่ๆ ที่สวยงามและสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก ซึ่งในการส่งออก ขอเชิญชวนให้เกษตรกรและผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากเอฟทีเอที่ไทยมีอยู่ เพิ่มแต้มต่อให้สินค้าไม้ดอกไม้ประดับของไทย
        
ปัจจุบันอาเซียนเป็นตลาดส่งออกไม้ดอกไม้ประดับอันดับที่ 3 ของไทย รองจากสหรัฐฯ และญี่ปุ่น มีสัดส่วนการส่งออก 16% โดยในปี 2562 มีมูลค่าส่งออกสูงถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ คือ ดอกกล้วยไม้ สัดส่วน 61% ไม้ใบประดับ สัดส่วน 11% และต้นกล้วยไม้ สัดส่วน 5% ตลาดส่งออกสำคัญในอาเซียน เช่น เวียดนาม สัดส่วน 61% สิงคโปร์ สัดส่วน 14% และฟิลิปปินส์ สัดส่วน 6% เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad