กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) จับตาตลาดลาตินอเมริกาส่อแววรุ่ง หลัง IMF คาดปี 63 เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้น เตรียมอัดกิจกรรมขยายตลาด เพื่อสร้างโอกาสขายสินค้าไทย และเพิ่มยอดการส่งออก
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้วิเคราะห์ว่าในปี 2563 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคลาตินอเมริกาจะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวและขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.8% จากปี 2562 ที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกที่ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคลาตินอเมริกาเพิ่มขึ้น 0.2% จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะวางแผนในการผลักดันสินค้าไทยไปขาย และเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยเจาะเข้าสู่ตลาดในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้เพิ่มขึ้น
โดยปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคลาตินอเมริกาชะลอตัวในปี 2562 มาจากการประท้วงของคนงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การลงทุนจากต่างชาติน้อยลง การกู้ยืมเพื่อการลงทุนในการดำเนินธุรกิจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และการบริโภคชะลอตัว ส่งผลให้นักธุรกิจลดความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจและทำให้ภาคการเงินมีความตึงตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจในลาตินอเมริกาจะดีขึ้น โดยหลายประเทศได้เพิ่มมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น เช่น บราซิลได้ปรับลดอัตราภาษีและดอกเบี้ยเงินกู้ รวมทั้งปรับปรุงระบบเงินช่วยเหลือสำหรับคนวัยเกษียณ และยังได้ปรับแก้มาตรการต่างๆ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ส่วนอาร์เจนตินา ที่เคยมีปัญหาเศรษฐกิจ ก็จะเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เริ่มก่อตัวในปี 2561 และ IMF คาดว่าจะหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ในปี 2564
ทั้งนี้ ในปี 2563 IMF คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบราซิล เม็กซิโก และอาร์เจนตินา จะมีอัตราร้อยละ 2.04 , 1.31 และติดลบ 1.28 ตามลำดับ และในด้านการค้าประเทศลาตินอเมริกา ที่คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวสูงในปี 2563 ได้แก่ กูยานา เพิ่ม 85.6% จากการเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ปานามา เพิ่ม 5.5% โดมินิกัน รีพับบลิก เพิ่ม 5.23% โดมินิกา เพิ่ม 4.94% ปารากวัย เพิ่ม 4.03% โบลิเวีย เพิ่ม 3.8% โคลอมเบีย เพิ่ม 3.65% เปรู เพิ่ม 3.62% กัวเตมาลา เพิ่ม 3.54% ฮอนดูรัส เพิ่ม 3.53% ชิลี เพิ่ม 3.02% อุรุกวัย เพิ่ม 2.3% เอกวาดอร์ เพิ่ม 0.48% ส่วนเวเนซูเอลา ลด 10%
นายสมเด็จกล่าวว่า กรมฯ ได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและผลักดันการส่งออก เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการขยายตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกาแล้ว เช่น การจัดคณะผู้แทนการค้านำผู้ประกอบการไทยเดินทางไปเจรจาขายสินค้า การจัดการเจรจาธุรกิจ การจัดงานประชาสัมพันธ์สินค้าไทย ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและมีความต้องการเพิ่มขึ้น และทำให้สินค้าไทยมีโอกาสส่งออกเข้าสู่ภูมิภาคลาตินอเมริกาได้มากขึ้น
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้วิเคราะห์ว่าในปี 2563 การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคลาตินอเมริกาจะมีแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวและขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 1.8% จากปี 2562 ที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกที่ส่งผลกระทบทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคลาตินอเมริกาเพิ่มขึ้น 0.2% จึงเป็นโอกาสของไทยที่จะวางแผนในการผลักดันสินค้าไทยไปขาย และเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยเจาะเข้าสู่ตลาดในภูมิภาคลาตินอเมริกาได้เพิ่มขึ้น
โดยปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของภูมิภาคลาตินอเมริกาชะลอตัวในปี 2562 มาจากการประท้วงของคนงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ การลงทุนจากต่างชาติน้อยลง การกู้ยืมเพื่อการลงทุนในการดำเนินธุรกิจมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น และการบริโภคชะลอตัว ส่งผลให้นักธุรกิจลดความเชื่อมั่นในการทำธุรกิจและทำให้ภาคการเงินมีความตึงตัวมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 คาดว่าเศรษฐกิจในลาตินอเมริกาจะดีขึ้น โดยหลายประเทศได้เพิ่มมาตรการเพื่อให้เศรษฐกิจมีความคล่องตัวมากขึ้น เช่น บราซิลได้ปรับลดอัตราภาษีและดอกเบี้ยเงินกู้ รวมทั้งปรับปรุงระบบเงินช่วยเหลือสำหรับคนวัยเกษียณ และยังได้ปรับแก้มาตรการต่างๆ ให้มีความชัดเจนมากขึ้น เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ส่วนอาร์เจนตินา ที่เคยมีปัญหาเศรษฐกิจ ก็จะเริ่มฟื้นตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เริ่มก่อตัวในปี 2561 และ IMF คาดว่าจะหลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจได้ในปี 2564
ทั้งนี้ ในปี 2563 IMF คาดการณ์ว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบราซิล เม็กซิโก และอาร์เจนตินา จะมีอัตราร้อยละ 2.04 , 1.31 และติดลบ 1.28 ตามลำดับ และในด้านการค้าประเทศลาตินอเมริกา ที่คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวสูงในปี 2563 ได้แก่ กูยานา เพิ่ม 85.6% จากการเริ่มผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงได้ ปานามา เพิ่ม 5.5% โดมินิกัน รีพับบลิก เพิ่ม 5.23% โดมินิกา เพิ่ม 4.94% ปารากวัย เพิ่ม 4.03% โบลิเวีย เพิ่ม 3.8% โคลอมเบีย เพิ่ม 3.65% เปรู เพิ่ม 3.62% กัวเตมาลา เพิ่ม 3.54% ฮอนดูรัส เพิ่ม 3.53% ชิลี เพิ่ม 3.02% อุรุกวัย เพิ่ม 2.3% เอกวาดอร์ เพิ่ม 0.48% ส่วนเวเนซูเอลา ลด 10%
นายสมเด็จกล่าวว่า กรมฯ ได้เตรียมกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและผลักดันการส่งออก เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการขยายตัวของกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคลาตินอเมริกาแล้ว เช่น การจัดคณะผู้แทนการค้านำผู้ประกอบการไทยเดินทางไปเจรจาขายสินค้า การจัดการเจรจาธุรกิจ การจัดงานประชาสัมพันธ์สินค้าไทย ซึ่งจะทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและมีความต้องการเพิ่มขึ้น และทำให้สินค้าไทยมีโอกาสส่งออกเข้าสู่ภูมิภาคลาตินอเมริกาได้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น