คณะทำงานพัฒนากองทุนเอฟทีเอถกนัดแรก มอบกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหารือกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอให้สอดคล้องกับพ.ร.บ.การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.2558 และประกาศกระทรวงการคลัง หลังกองทุนที่มีอยู่เดิมไม่ตอบโจทย์ ก่อนนำเสนอ “จุรินทร์”พิจารณาต่อไป
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า (คณะทำงานพัฒนากองทุนเอฟทีเอ) ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมได้มอบให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ ไปหารือกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอที่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดโดย พ.ร.บ.การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.2558 และประกาศกระทรวงการคลัง เช่น จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับกองทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต้องมีรายได้ที่ทำให้กองทุนสามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องรอพึ่งงบประมาณสนับสนุนรายปีจากภาครัฐ เป็นต้น รวมทั้งให้หารือกลไกทางเลือกต่างๆ และต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี เพื่อเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่ากองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อช่วยกลุ่มเกษตรกรปรับโครงสร้างการผลิต และลดผลกระทบจากเอฟทีเอ และโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ของกรมการค้าต่างประเทศ เป็นการของบประมาณรายปี ไม่ใช่กองทุนหมุนเวียน ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อย (SMEs) เพราะการขอใช้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ต้องมีการเขียนโครงการเสนอ และรูปแบบความช่วยเหลือที่ให้ส่วนใหญ่จะเน้นการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำ เป็นต้น จึงเห็นว่าควรหาหาแนวทางพัฒนากองทุนให้สามารถพัฒนาศักยภาพผู้ได้รับผลกระทบอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม
ขณะเดียวกัน ความเห็นดังกล่าว ยังสอดคล้องกับผลการลงลงพื้นที่รับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเรี่องการเปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น เอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป (อียู) โดยกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้า เนื่องจากกลไกหรือกองทุนที่มีอยู่ยังไม่ตอบสนองความต้องการของผู้ได้รับผลกระทบ และเตรียมความพร้อมกลุ่มเหล่านี้รับมือการแข่งขันจากเอฟทีเอ
สำหรับคณะทำงานพัฒนากองทุนเอฟทีเอ ตั้งขึ้นตามคำสั่งของนายจุรินทร์ เพื่อให้พิจารณาการมีกลไกเยียวยา พัฒนาปรับโครงสร้างหรือศักยภาพของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความตกลงเอฟทีเอ ให้สามารถปรับตัวรับมือกับการเปิดเสรีทางการค้า โดยมีคณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนกรมบัญชีกลาง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนากองทุนช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า (คณะทำงานพัฒนากองทุนเอฟทีเอ) ครั้งที่ 1/2563 ว่า ที่ประชุมได้มอบให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นฝ่ายเลขานุการคณะทำงานฯ ไปหารือกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอที่จะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดโดย พ.ร.บ.การบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ.2558 และประกาศกระทรวงการคลัง เช่น จะต้องไม่ซ้ำซ้อนกับกองทุนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ต้องมีรายได้ที่ทำให้กองทุนสามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยไม่ต้องรอพึ่งงบประมาณสนับสนุนรายปีจากภาครัฐ เป็นต้น รวมทั้งให้หารือกลไกทางเลือกต่างๆ และต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรี เพื่อเสนอนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาต่อไป
ทั้งนี้ ที่ประชุมเห็นว่ากองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเอฟทีเอที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น กองทุนปรับโครงสร้างการผลิตภาคเกษตร ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อช่วยกลุ่มเกษตรกรปรับโครงสร้างการผลิต และลดผลกระทบจากเอฟทีเอ และโครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ของกรมการค้าต่างประเทศ เป็นการของบประมาณรายปี ไม่ใช่กองทุนหมุนเวียน ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อย (SMEs) เพราะการขอใช้มีขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน ต้องมีการเขียนโครงการเสนอ และรูปแบบความช่วยเหลือที่ให้ส่วนใหญ่จะเน้นการฝึกอบรม การให้คำปรึกษาแนะนำ เป็นต้น จึงเห็นว่าควรหาหาแนวทางพัฒนากองทุนให้สามารถพัฒนาศักยภาพผู้ได้รับผลกระทบอย่างมีประสิทธิภาพและเหมาะสม
ขณะเดียวกัน ความเห็นดังกล่าว ยังสอดคล้องกับผลการลงลงพื้นที่รับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในเรี่องการเปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ๆ เช่น เอฟทีเอไทย-สหภาพยุโรป (อียู) โดยกลุ่มเกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs ได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งกองทุนเอฟทีเอ เพื่อเยียวยาช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีการค้า เนื่องจากกลไกหรือกองทุนที่มีอยู่ยังไม่ตอบสนองความต้องการของผู้ได้รับผลกระทบ และเตรียมความพร้อมกลุ่มเหล่านี้รับมือการแข่งขันจากเอฟทีเอ
สำหรับคณะทำงานพัฒนากองทุนเอฟทีเอ ตั้งขึ้นตามคำสั่งของนายจุรินทร์ เพื่อให้พิจารณาการมีกลไกเยียวยา พัฒนาปรับโครงสร้างหรือศักยภาพของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความตกลงเอฟทีเอ ให้สามารถปรับตัวรับมือกับการเปิดเสรีทางการค้า โดยมีคณะทำงานประกอบด้วยผู้แทนกรมบัญชีกลาง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สภาเกษตรกรแห่งชาติ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น