ทาทา สตีล (ประเทศไทย) เปิดเผยผลประกอบการ
ของเดือน
มกราคม - มีนาคม 2567 และปีการเงิน 2566 - 67
กรุงเทพฯ – 30 เมษายน 2567 -
บริษัท
ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัท
สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปีการเงิน 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2567 บริษัทได้รายงานผลกำไรก่อนภาษีเงินได้ 200
ล้านบาทในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2567 เทียบกับผลขาดทุนก่อนภาษีเงินได้
96 ล้านบาทในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม 2566 และกำไรก่อนภาษีเงินได้ 108
ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2566
กำไรสำหรับไตรมาสปัจจุบันประกอบด้วยกำไร 220
ล้านบาทจากการขายสินทรัพย์โครงการเตาถลุง Mini Blast Furnace (MBF)
ซึ่งถูกระงับการใช้งานตั้งแต่ปี 2554 และให้ถือไว้เพื่อขาย
สำหรับช่วงระยะเวลา 12 เดือน เมษายน 2566 - มีนาคม 2567
บริษัทได้รายงานผลกำไรก่อนภาษีเงินได้ 93 ล้านบาท เทียบกับกำไร 681
ล้านบาทในช่วงเดือนเมษายน 2565 - มีนาคม 2566
มร. ตารุน ดากา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
เปิดเผยว่า “ปริมาณการขายในไตรมาสนี้อยู่ที่ 320,000 ตัน
สูงกว่าไตรมาสก่อนจากยอดขายเหล็กเส้นในประเทศเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามในช่วง
12 เดือน สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 ปริมาณการขายของบริษัทอยู่ที่
1,120,000 ตัน ลดลงจากปีก่อนร้อยละ 8 สาเหตุหลัก
มาจากการนำเข้าเหล็กลวดที่มีราคาต่ำมากมายังประเทศไทย
ประกอบกับสถานการณ์ตลาดต่างประเทศที่ซบเซาลงมากและราคาเศษเหล็กที่ค่อนข้างสูงซึ่งไม่สามารถชดเชยจากสถานการณ์ราคาสินค้าสำเร็จรูปได้”
“สำหรับรายได้จากการขายในไตรมาสปัจจุบันอยู่ที่ 6,914 ล้านบาท
เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน สะท้อนถึงปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น
เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลดลง 7%
จากราคาขายที่ลดลงสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่อ่อนแอ ในช่วง 12 เดือน
รายได้จากการขายอยู่ที่ 24,689 ล้านบาท ลดลงประมาณ 20%
เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
สาเหตุหลักมาจากราคาขายที่ลดลงและปริมาณการขายที่ลดลงจากเหล็กลวดในประเทศและการส่งออกที่ลดลง”
ในปี
2566 เศรษฐกิจไทยขยายตัว 1.9% ลดลงจาก 2.5% ในปี 2565
เนื่องจากปัญหาด้านงบประมาณสำหรับปี 2566 และ ปี 2567
ทำให้การใช้จ่ายภาครัฐลดลงอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการใหม่
การส่งออกในหลายอุตสาหกรรมยังคงซบเซา
ตามการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั่วโลกที่ลดลง
ค่าเงินบาทไทยและสกุลเงินเอเชียอื่นๆ อ่อนค่าลง 5.0-8.5%
สู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ท่ามกลางแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ย Fed ของสหรัฐฯ
ที่สูงกว่าอัตราของธนาคารกลางในเอเชีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น