AH เปิดเผยงบ Q1/67 รายได้กว่า 7,580 ลบ .
ชูกลยุทธ์ Diversification โตต่างประเทศ
พื้นฐานกิจการแข็งแกร่ง -ปันผลสู ง
AH เปิดเผยผลประกอบการ Q1/67 รายได้รวม 7,580 ล้านบาท กำไรสุทธิ 319 ล้านบาท ชูจุดแข็งกลยุทธ์กระจายเสี่ยง ออเดอร์คำสั่งซื้อจีนเพิ่ม ธุรกิจในมาเลเซียโตต่อ ตอกย้ำความแข็งแกร่งผู้ นำยานยนต์ พร้อมเติบโตเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตั วรอบใหม่ ผู้บริหาร มุ่งหน้าหาออเดอร์ และลูกค้าใหม่ต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริการจัดการต้นทุ นอย่างใกล้ชิด เน้นสร้างผลตอบแทนระยะยาวต่อผู้ ถือหุ้น นับเป็นหุ้นพื้นฐานกิจการดี -ปั นผลสูงถึง 8%
นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้ าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่ วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศู นย์บริการหลังการขาย และธุรกิจให้บริการด้ านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT ( Internet of Things) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/67 บริษัทมีรายได้รวม 7,580 ล้านบาท ลดลง 7.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 8,197 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 319 ล้านบาท หรือลดลง 43.1 % จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ทำไว้ 562 ล้านบาท
โดยในไตรมาส 1/67 ทาง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกั บยอดผลิตรถยนต์ของประเทศไทย มีจำนวนทั้งสิ้น 414,123 คัน ลดลง 18.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ มีจำนวนทั้งสิ้น 163,756 คัน ลดลง 24.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากปัจจั ยความเข้มงวดในการขออนุมัติสิ นเชื่อของสถาบันการเงิน เพื่อรักษาระดับหนี้ครัวเรื อนให้มีความเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าผลประกอบการของอาปิ โกนับว่าอ่อนตัวลงน้อยกว่ าภาพรวมอุตสาหกรรม เนื่องจากบริษัทมีการใช้กลยุทธ์ กระจายความเสี่ยง ผ่านการดำเนินธุรกิจในประเทศต่ างๆ ทั่วโลก ด้านธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ในประเทศจีนเติบโต 24.3% จากออเดอร์ลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการขยายไลน์การผลิตอย่ างต่อเนื่อง ในขณะที่การดำเนินธุรกิ จในประเทศมาเลเซียเติบโต 27.3% จากการขยายธุรกิจร่วมทุน ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานต์ร่ วมกับพันธมิตรภายใต้บริษัทอาปิ โก อาร์วี จำกัด ส่วน ด้านธุรกิจตัวแทนจำหน่ ายและศูนย์บริการรถยนต์ ในประเทศมาเลเซียยังคงมี การขยายตัว
ทั้งนี้ ทางอุตสาหกรรมยานยนต์ (ส.อ.ท. ) คาดว่าในครึ่งปีหลังจะมีการลงทุ นและการกระตุ้นเศรษฐกิจของรั ฐบาลร่วมกับเอกชน ประกอบกับการท่องเที่ยวกลับมาฟื้ นตัว ซึ่งบริษัทมองว่า เมื่อส ภาวะเศรษฐกิจมีการฟื้นตั วรอบใหม่ ย่อมมีอานิสงส์บวกต่อ การฟื้นตั วของยอดผลิตและยอดขายรถยนต์ ซึ่งจะทำให้อาปิโกกลับมาเติ บโตอย่างโดดเด่น เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้นำที่ แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ ไทย
“แม้สถานการณ์ภาพรวมอุ ตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยปีนี้ เติบโตโดดเด่นน้อยกว่าปีที่ผ่ านมา เรายังเห็นสัญญาณบวกของการเติ บโตของธุรกิจในประเทศจีน โปรตุเกส และมาเลเซีย โดยพนักงานของอาปิโกทุกคนยั งคงทำงานอย่างหนัก มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ เพื่อหาลูกค้าและออเดอร์ใหม่อย่ างต่อเนื่อง เป็นบริษัทที่สามารถ ปรับตั วและแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ควบคู่กับ การบริหารจัดการต้นทุ นที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทก็มีสถานะทางการเงินที่ แข็งแกร่ง มีเงินสดเพียงพอ พร้อมมองหาและต่อยอดโอกาสทางธุ รกิจ เพื่อที่จะสร้างผลตอบแทนที่ดีต่ อผู้ถือหุ้นในระยะยาว ” นาย เย็บ ซู ชวน กล่าว
สำหรับการจ่ายเงินปันผลของอาปิ โกงวดปี 2566 ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติจ่ายเงิ นปันผลทั้งปี (1 ม .ค . – 31 ธ .ค . 66) เป็น จำนวนเงินทั้งสิ้น 585 ล้านบาท รวมอัตราหุ้นละ 1.65 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 36.4% ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปั จจุบัน คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปั นผลถึง 8% โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิ์ได้ รับปันผล ( Record Date) วันที่ 15 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 24 พฤษภาคม 2567
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น