ไทยขึ้นแท่นส่งออก “อาหารสัตว์” เบอร์ 4 โลก เผยเอฟทีเอมีส่วนช่วยหนุน - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2563

ไทยขึ้นแท่นส่งออก “อาหารสัตว์” เบอร์ 4 โลก เผยเอฟทีเอมีส่วนช่วยหนุน

img

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยไทยขึ้นแท่นผู้ส่งออก “อาหารสัตว์เลี้ยง” รายใหญ่อันดับ 4 ของโลก มียอดส่งออกปี 62 สูงถึง 1,693 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% เป็นการส่งออกไปยังคู่เจรจาเอฟทีเอเกินครึ่ง 954 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือสัดส่วน 56% เหตุเอฟทีเอช่วยขจัดภาษี ล่าสุดมี 15 ประเทศไม่เก็บภาษีแล้ว เหลืออีกแค่ 3 ประเทศเท่านั้นที่ยังเก็บอยู่บางรายการ แนะคุมมาตรฐาน ผลิตอาหารสัตว์ที่ตลาดต้องการ
        
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ติดตามผลการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ในปี 2562 ที่ผ่านมา พบว่า มีมูลค่าสูงถึง 1,693 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4% และในจำนวนนี้ เป็นการส่งออกไปยังประเทศที่มีการทำเอฟทีเอกับไทย 18 ประเทศ เป็นมูลค่า 954 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 56% ของการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยไปทั่วโลก โดยเป็นอาหารสำหรับสุนัขและแมว สัดส่วน 82% และอาหารสัตว์เลี้ยงอื่นๆ สัดส่วน 18% มีประเทศคู่ค้าสำคัญ 5 อันดับแรก ทั้งที่ทำเอฟทีเอกับไทยและยังไม่มีเอฟทีเอ ได้แก่ อาเซียน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และออสเตรเลีย และยังส่งผลให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอันดับที่ 4 ของโลกแล้ว รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และจีน
        
ทั้งนี้ เอฟทีเอถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทย เพราะช่วยขจัดอุปสรรคด้านภาษีศุลกากรในประเทศคู่ค้า ทำให้ได้แต้มต่อในการแข่งขัน โดยปัจจุบันสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยทุกรายการไม่ถูกเก็บภาษีนำเข้าใน 15 ประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอด้วย ได้แก่ ประเทศสมาชิกอาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรูและฮ่องกง มีเพียงญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอินเดีย ที่ยังคงการเก็บภาษีนำเข้ากับไทยในบางรายการสินค้า

ส่วนปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตของสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงไทย มาจากจำนวนสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น คุณภาพการผลิตของไทยที่มีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก การเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงในไทยของบริษัทผู้ผลิตต่างชาติ เป็นต้น
          
อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบมูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งเป็นปีก่อนที่ความตกลงเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับอาเซียนจะมีผลบังคับใช้ จนถึงปี 2562 รวมระยะเวลากว่า 27 ปี พบว่า มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 828% การส่งออกกับคู่เอฟทีเอขยายตัวเพิ่มขึ้นทุกตลาด โดยอาเซียนขยายตัวสูงสุด 6,306% รองลงมาได้แก่ จีน ขยายตัว 3,969% เกาหลีใต้ ขยายตัว 650% อินเดีย ขยายตัว 573% นิวซีแลนด์ ขยายตัว 531% และออสเตรเลีย ขยายตัว 244% เป็นต้น

นางอรมนกล่าวว่า เพื่อให้สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงจากไทยครองใจผู้บริโภคในตลาดโลก ผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์ของไทยควรรักษามาตรฐานสินค้าให้สอดคล้องกับหลักการสากลด้านสุขอนามัย และปฏิบัติตามกฎระเบียบการนำเข้าอย่างเคร่งครัด รวมทั้งต้องศึกษาแนวโน้มตลาดให้ดี เพราะปัจจุบันเจ้าของสัตว์เลี้ยงใส่ใจสุขภาพสัตว์เลี้ยงรวมถึงอาหารที่ให้สัตว์เลี้ยงบริโภค อาหารสัตว์เลี้ยงจึงควรเป็นอาหารคุณภาพดี มีประโยชน์ และช่วยดูแลสุขภาพให้กับสัตว์เลี้ยง มีความหลากหลายในชนิดของอาหาร เช่น อาหารปลอดสารพิษ อาหารแคลอรี่ต่ำ อาหารมีส่วนผสมทั้งเนื้อสัตว์และผัก ตลอดจนอาหารสำหรับสัตว์ที่เจ็บป่วย 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad