ดีอีเอส โชว์ระบบ CAT Conference หนุนหน่วยงานรัฐทำงานที่บ้านต้านโควิด-19 - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันศุกร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2563

ดีอีเอส โชว์ระบบ CAT Conference หนุนหน่วยงานรัฐทำงานที่บ้านต้านโควิด-19

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) โชว์ระบบการประชุมทางไกล CAT Conference รองรับการประชุมออนไลน์พร้อมกัน 5 พันคน หนุนมาตรการให้หน่วยงานรัฐทำงานจากบ้าน (Work from Home) เพิ่มทางเลือกจากความร่วมมือกับเอกชนก่อนหน้านี้ อัพเดทล่าสุดกว่า 200 ส่วนราชการลงทะเบียนใช้ระบบ Work from Home ขานรับมติ ครม. ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19    กล่าว
ผศ.(พิเศษ) นพ.พลวรรธน์ วิทูรกลชิต ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้กล่าวรายงานความคืบหน้ามาตรการเร่งด่วนในการป้องกันวิกฤตการณ์จากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ในส่วนของมาตรการยับยั้งการระบาดภายในประเทศ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่ 1. การให้บริการ Work from Home (WFH) สำหรับหน่วยงานรัฐ 2. การจัดการระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์และการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และ 3. การเตรียมการรองรับการจัดประชุมทางไกลออนไลน์ (Web Conference)    
โดยล่าสุด ดีอีเอส โดย บมจ. กสท โทรคมนาคม (CAT) โทรคมนาคม ได้จัดเตรียมระบบประชุมทางไกลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต (Web Conference) ในชื่อบริการ CAT Conference สามารถรองรับผู้เข้าร่วมการประชุมพร้อมกันได้มากสูงสุดถึง 5,000 คน และมีระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ขนาดใหญ่ ที่รองรับการทางานที่บ้านและมีความพร้อมใช้งานได้ในทันที ซึ่งจะเป็นอีกระบบสนับสนุนที่สำคัญสำหรับมาตรการทำงานจากบ้าน (WFH) ของข้าราชการและรัฐวิสากิจตามมติ ครม. รองรับการปฏิบัติงานของราชการที่มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ    
ดีอีเอส โชว์ระบบ CAT Conference หนุนหน่วยงานรัฐทำงานที่บ้านต้านโควิด-19
ทั้งนี้ CAT Conference ได้รับการออกแบบเฉพาะเพื่อเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกทุกการประชุม ให้ความเชื่อมั่นเรื่องความเสถียรของระบบ รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ผู้ร่วมประชุมสามารถเห็นภาพ ฟังเสียง และเสนอเอกสารการประชุม ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์หลายรูปแบบ อำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานด้วยมีฟังก์ชั่นเชิญประชุมผ่านอีเมล์ โดยการแจ้ง access link ที่ใช้ในการประชุมและรหัสผ่านให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม สามารถออกจดหมาย เชิญเข้าร่วมประชุมแบบมาตรฐาน เชื่อมกับ Microsoft Outlook และรองรับการแจ้งเตือนด้วยระบบปฏิทินของ Microsoft Outlook    
รวมทั้งมีระบบ Polling โดยผู้เข้าร่วมประชุมสามารถสร้างแบบสอบถามได้เอง และให้มีการลงมติในที่ประชุม พร้อมรายงานแสดงผลการลงมติ บันทึกภาพและเสียงการประชุมได้ในรูปแบบ MP4 และ MP3 คลิกไปใช้บริการได้ที่ www.catconference.com ผ่านอุปกรณ์ทั้งคอมพิวเตอร์ ไอแพ็ด ไอโฟน และแท็บเล็ตรุ่นที่กำหนด ดาวน์โหลดแอพผ่าน PlayStore และ AppStore สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 1322    
ก่อนหน้านี้ ดีอีเอส ได้เปิดตัวร่วมกับผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่น 4 ราย ที่สนับสนุนระบบการประชุมออนไลน์ (e-meeting) หรือวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ ได้แก่ แอพพลิเคชั่น Webex ของซิสโก้, Microsoft Team จากไมโครซอฟท์, Hangouts ของกูเกิล และแอพพลิเคชั่นไลน์ ขณะที่ผู้ให้บริการเครือข่ายและการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ทั้ง 6 ราย ได้แก่ CAT, TOT, AIS, TRUE, DTAC และ 3BB  พร้อมให้การสนับสนุนโดยยกเว้นค่าบริการในการใช้งานอินเทอร์เน็ตระหว่างใช้งานแอพพลิเคชั่นดังกล่าว (ระยะเวลา 30 วัน)    
ในส่วนของแนวทางการทำงานของหน่วยงานของรัฐในช่วง WFH สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ภายใต้สังกัดดีอีเอส ได้ประกาศแนวทางเพื่อให้แต่ละหน่วยงานสามารถนำไปปรับใช้ตามความเหมาะสม ครอบคลุม 2 ส่วนหลักๆ ประกอบด้วย    
  1. การจัดการระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ขั้นตอนคือ ใช้ e-Mail เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการทำงานรองรับการใช้งานทั้งระหว่างหน่วยงานและภายในหน่วยงาน, ใช้ MailGoThai ที่ลงทะเบียนไว้กับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) เป็นสื่อกลางจัดเก็บข้อมูลการส่งและรับ, แค่แนบหนังสือในรูปแบบไฟล์ PDF พร้อมใส่เนื้อหาของหนังสือในรูปแบบ Text ในเนื้อ e-Mail พร้อมเน้นย้ำว่า ต้องไม่ใช้แนวทางนี้กับหนังสือที่มีชั้นความลับ    
  2. การประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยต้องไม่ใช้กับการประชุมตามกฎหมาย (กรณีการประชุมตามกฎหมายต้องปฏิบัติตามประกาศ คสช. ที่ 74/2557), ใช้กับการประชุมทั่วไป เช่น การหารือ/ขอความเห็นระหว่างหน่วยงาน. มี Checklist สำคัญที่ต้องมีสำหรับการประชุม เช่น การแสดงตน การออกลงคะแนนในแบบอิเล็กทรอนิกส์  และไม่ใช้กับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่มีชั้นความลับ ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02 123 1234    



“ดีอีเอส มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) เป็นหน่วยงานหลัก ในการประสานงานและให้คำปรึกษาเบื้องต้นกับหน่วยงานที่ต้องการใช้ และสามารถแจ้งความประสงค์ที่จะใช้งาน โดยเข้าไปลงทะเบียนได้ที่ www.onde.go.th”    
ทั้งนี้ จากรายงานของ สดช. ระบุว่า ล่าสุดมีหน่วยงานลงทะเบียน ขอใช้งานแอพพลิเคชั่นที่ร่วมให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม work from home ของหน่วยงานรัฐแล้ว 290 หน่วยงาน รวมจำนวนผู้ขอใช้งาน 294,958 ราย  (ข้อมูลอัพเดท วันที่ 25 มีนาคม 2563) มีหน่วยงานที่ใช้ระบบแล้ว ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลฯ, กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, กระทรวงการคลัง, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02 141 7010 หรือ E-mail: workfromhome@onde.go.th    
“ดีอีเอส ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการร่วมกับสำนักนายกรัฐมนตรีด้านข้อมูล การชี้แจง และการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับประเด็นโควิด-19 โดยข้อมูลจากการดำเนินงานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-fake news Center) รวบรวมล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา มีจำนวนข้อความเข้าทั้งหมด 63,974 ข้อความ, มีข้อความที่ต้อง Verify 96 ข้อความ โดยจำนวนนี้มีเกี่ยวข้องกับโควิด-19 จำนวน 44 เรื่อง (รอการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง)”    
ทั้งนี้ กระทรวงดิจิทัลฯ ได้จัดทำ แผนบริหารความต่อเนื่องขององค์กร (Business Continuity Plan: BCP) ของ สำนักงานปลัดกระทรวงฯ ในสถานการณการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยสาระสำคัญในแผนจะเป็นการกำหนดโครงสร้างและทีมงาน การเตรียมการรับมือกับสถานการณ์ เตรียมความพร้อมเพื่อให้การทำงานไม่หยุดชะงัก    
รวมทั้งมีคำแนะนำการเลือกใช้และดูแลรักษาความสะอาดระบบ VDO Conference รวมถึงการปรับใช้กับการตรวจรักษาทางไกล (Telemedicine) ในช่วงสถานการณการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) มีวัตถุประสงค์ในการประชุมที่ผู้เข้าร่วมประชุมไม่ได้อยู่ที่เดียวกันซึ่งจะมีการโต้ตอบกันทั้งเสียง หรือทั้งเสียงและภาพ  โดยยังสามารถนำมาปรับใช้เพื่อการทำการตรวจรักษาทางไกล (Telemedicine) ได้โดยมีวัถุประสงค์ 3 ประการ ได้แก่ 1) เพื่อการคัดกรองผู้ป่วย 2) เพื่อการติดตามผลการรักษา 3) เพื่อใช้ในการรักษา สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02 141 6747
“หากมีข้อสงสัยหรือสนใจข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรการของกระทรวงดิจิทัลฯ สามารถสอบถามได้ที่สายด่วนศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน GCC 1111” นพ.พลวรรธน์กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad