โรคใบด่างมันสำปะหลังระบาดหนัก! ห่วงส่งออกแสนล้านกระเทือน ลามรายได้เกษตรกร อุตฯ เกี่ยวเนื่อง - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

โรคใบด่างมันสำปะหลังระบาดหนัก! ห่วงส่งออกแสนล้านกระเทือน ลามรายได้เกษตรกร อุตฯ เกี่ยวเนื่อง


img
“พาณิชย์”ห่วงโรคใบด่างในมันสำปะหลังระบาดรุนแรงขึ้น เริ่มกระจายตัวเข้าสู่พื้นที่เพาะปลูกภาคกลาง หวั่นคุมไม่ได้ ส่งออกเฉียด 1 แสนล้านบาทกระเทือนแน่ รวมถึงตัวเกษตรกรและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องอีก เผยปัญหาที่ลุกลาม เหตุไร้การคุมเข้ม สั่งทำลายทิ้ง ทั้งที่มีมาตรการชดเชยให้ไร่ละ 3 พันบาท แถมไม่คุมการนำเข้า ย้ำแนวโน้มราคา แม้จะดี แต่ไม่มีผลผลิตให้ขาย เกษตรกรก็ไม่ได้ประโยชน์ ระบุยังเสี่ยงถูกอินเดียแย่งตลาดส่งออก   
        
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ได้รับรายงานจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในพื้นที่ที่ปลูกมันสำปะหลังเข้ามาอย่างต่อเนื่องว่าการระบาดของโรคใบด่างในมันสำปะหลังเริ่มมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในจังหวัดที่ติดกับประเทศกัมพูชา เช่น สระแก้ว ปราจีนบุรี ศรีสะเกษ และเริ่มที่จะขยายวงกว้างเข้ามายังพื้นที่ด้านในประเทศ เช่น จังหวัดสุรินทร์ บุรีรัมย์ บางอำเภอในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกสำคัญ และเริ่มที่จะขยายวงเข้าสู่จังหวัดในภาคกลาง ทั้งลพบุรี และสระบุรี เพิ่มมากขึ้น
        
ทั้งนี้ แนวโน้มการระบาดยังพบว่ามีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น หากไม่สามารถสกัดได้ ก็อาจจะลุกลามเข้าสู่จังหวัดที่เพาะปลูกมันสำปะหลังทั้งประเทศ และจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตมันสำปะหลังฤดูการผลิตปี 2562/63 ทำให้ผลผลิตลดลง ไทยก็จะไม่มีมันสำปะหลัง เพื่อนำไปผลิตเป็นมันเส้นและแป้งมันเพื่อการส่งออก ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกมันสำปะหลังของไทยในที่สุด โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา ไทยส่งออกมันสำปะหลังได้มูลค่าประมาณ 9.96 หมื่นล้านบาท
        
ขณะเดียวกัน จะกระทบกับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังที่มีอยู่กว่า 5 แสนครัวเรือน และอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้มันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบ ทั้งอุตสาหกรรมสิ่งทอ ไม้อัด กระดาษ กาว อาหารและเครื่องดื่ม สารให้ความหวาน ผงชูรส ส่วนผสมในการทำยา การผลิตเอทานอล และอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เป็นต้น
        
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์โดยคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง (นบมส.) ได้มีมติให้ดำเนินมาตรการทำลายต้นมันสำปะหลังที่ติดโรคใบด่างทิ้ง และจะจ่ายชดเชยให้กับเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังไร่ละ 3,000 บาท หรือกิโลกรัม (กก.) ละ 1 บาท คิดจากผลผลิตต่อไร่ที่ 3,000 กก. เพื่อสกัดการลุกลามของโรค แต่ผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย มีการปล่อยปละละเลย และไม่จัดการขั้นเด็ดขาด ทำให้โรคระบาดเพิ่มขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น
        
นอกจากนี้ ยังพบว่า การดูแลมันสำปะหลังที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เวียดนาม ที่กำหนดให้มีการควบคุมการนำเข้าท่อนพันธุ์ และหัวมันสำปะหลังที่ด่านนำเข้า โดยต้องตรวจสอบโรคพืชอย่างละเอียด และเมื่อขนส่งมันสำปะหลังไปถึงปลายทางให้มีการตรวจสอบซ้ำอีก แต่ก็ไม่ได้ดำเนินการอย่างเข้มงวด ทำให้มีท่อนพันธุ์ที่ติดโรคเข้ามา ขณะที่กรมการค้าภายใน ที่มีหน้าที่ต้องเข้มงวดการขนย้ายในจังหวัดชายแดน การขนย้ายข้ามจังหวัด ก็ดูแลไม่เต็มที่
         
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์การเกิดโรคใบด่างในมันสำปะหลังดังกล่าว ได้ส่งผลให้ราคาหัวมันสำปะหลังสดทรงตัวอยู่ในระดับ 2.10-2.45 บาทต่อกก. และหากความรุนแรงของโรค ทำให้ผลผลิตเสียหายต่อเนื่อง อาจจะทำให้แนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น แต่เกษตรกรก็ไม่มีผลผลิตจะขาย และเมื่อผลผลิตน้อยลง จะกระทบต่อถึงการส่งออก และอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่องตามที่กล่าวมาแล้ว โดยจากนี้ไป หากยังแก้ไขไม่ได้ จะทำให้ไทยเสี่ยงที่จะถูกแย่งชิงตลาด โดยเฉพาะอินเดียที่มีการเพาะปลูกมันสำปะหลังมาก และสามารถจัดการกับโรคใบด่างได้เป็นผลสำเร็จ
        
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นบมส. ที่มีรมว.พาณิชย์เป็นประธาน ได้ประชุมครั้งล่าสุด เมื่อเดือนพ.ย.2561 และจนถึงบัดนี้ ยังไม่มีการประชุมเพิ่มเติม ทั้งๆ ที่ควรจะเรียกประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์ และพิจารณาแนวทางรับมือ เพื่อป้องกันผลกระทบจากการเกิดโรคใบด่างในมันสำปะหลัง 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad