PwC แนะผู้ประกอบการธนาคารปรับโครงสร้างพื้นฐานองค์กรเพื่อรองรับระบบนิเวศการชำระเงินแบบไร้เงินสด-ศึกษาเกณฑ์ virtual bank - ข่าวเด่นวันนี้ | Today Highlight News

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

วันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2566

PwC แนะผู้ประกอบการธนาคารปรับโครงสร้างพื้นฐานองค์กรเพื่อรองรับระบบนิเวศการชำระเงินแบบไร้เงินสด-ศึกษาเกณฑ์ virtual bank

PwC แนะผู้ประกอบการธนาคารปรับโครงสร้างพื้นฐานองค์กรเพื่อรองรับระบบนิเวศการชำระเงินแบบไร้เงินสด-ศึกษาเกณฑ์ virtual bank

บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ จะเป็นศูนย์กลางในการเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมบริการทางการเงิน

PwC ชี้การอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา จะเปิดให้มีการแข่งขันจากผู้เล่นหน้าใหม่ที่นำไปสู่การพัฒนาบริการทางการเงินของกลุ่มสถาบันการเงินไทย แนะผู้ประกอบการธนาคารปรับโครงสร้างพื้นฐานองค์กรเพื่อรองรับระบบนิเวศการชำระเงินแบบไร้เงินสด-ศึกษาเกณฑ์ virtual bank เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคดิจิทัล พร้อมคาดปริมาณการทำธุรกรรมแบบไร้เงินสดในเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก โดยเพิ่มขึ้นถึง 109% ในช่วงปี 2563 ถึงปี 2568

นางสาว วิไลพร ทวีลาภพันทอง หัวหน้าสายงานธุรกิจที่ปรึกษา PwC ประเทศไทย และหัวหน้ากลุ่มธุรกิจบริการทางการเงินเชิงกลยุทธ์และการดำเนินงาน PwC South East Asia Consulting กล่าวว่า การมุ่งเน้นให้ผู้ใช้บริการเป็นศูนย์กลาง (Customer centricity) โดยไม่ต้องเสียเวลากับงานเอกสารและติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เป็นเวลานาน ๆ จะช่วยการใช้บริการธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual bank) ได้รับความนิยมอย่างมากเมื่อมีการออกใบอนุญาตให้จัดตั้งในประเทศไทย

“วันนี้ผู้บริโภคหันมายอมรับและปรับตัวกับการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ และใช้บริการหลายอย่างผ่านแอปพลิเคชันกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินด้วยมือถือ การสแกน QR code หรือจ่ายเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ ฉะนั้น การมี virtual bank จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้ายุคดิจิทัลได้ตรงจุดและครบวงจรมากขึ้น ในขณะเดียวกัน ก็เป็นตัวกระตุ้นให้แบงก์พาณิชย์แบบดั้งเดิมต้องปรับตัวให้ทันด้วย” เธอ กล่าว

เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศเปิดรับฟังความเห็นต่อแนวทางการอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาโดยคาดว่า จะสามารถออกหลักเกณฑ์ฯ เพื่อเปิดรับสมัครคำขอจัดตั้งได้ในปีนี้ และประกาศผลผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจาก รมว. คลังได้ในปี 2567[1] ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ประกอบการธนาคารและกลุ่มผู้ให้บริการที่มิใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) หลายรายแสดงความสนใจเป็นอย่างมาก

นางสาว วิไลพร กล่าวว่า ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา ถือเป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นแล้วโดยธนาคารกลางของหลาย ๆ ประเทศและอาณาเขตในทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นเกาหลีใต้ เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย มีการออกใบอนุญาตธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาแทบทั้งสิ้น นอกจากนี้ นวัตกรรรมทางการเงินใหม่ ๆ ผ่านช่องทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว (Internet-only) โดยไม่ต้องมีสาขาของธนาคาร ตู้เอทีเอ็ม และเครื่องรับฝากและถอนเงินอัตโนมัติ (ซีดีเอ็ม) จะช่วยตอบโจทย์ภูมิทัศน์ใหม่ของไทยที่มีเป้าหมายในการสร้างนวัตกรรมด้วยเทคโนโลยีและข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น 

“ในระยะต่อไป เราจะยิ่งเห็นความคึกคักของการเข้ามาของธุรกิจที่มิใช่สถาบันการเงิน การจับมือกับพาร์ทเนอร์ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี และการให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลของแบงก์พาณิชย์เพื่อขอใบอนุญาต virtual bank โดยตัวอย่างของแบงก์ไร้สาขาในเอเชียที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก คือ KakaoBank ของประเทศเกาหลีใต้ ที่นำ virtual bank มาต่อยอดธุรกิจ chat platform ของตนโดยให้บริการทางการเงินผ่านมือถือตลอด 24 ชั่วโมงไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชี เปิดบัตรเดบิต

ฝาก-ถอนเงิน โอนเงินไปต่างประเทศ ขอสินเชื่อ ออมเงิน และบริการอื่น ๆ ซึ่งดึงดูดผู้ใช้งานจำนวนมาก” เธอ กล่าว  

แนะผู้ประกอบการธนาคารปรับโครงสร้างพื้นฐานองค์กรเพื่อรองรับระบบนิเวศการชำระเงินแบบไร้เงินสดนางสาว วิไลพร กล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมบริการทางการเงินของโลกกำลังอยู่ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหลังได้รับผลกระทบจากดิจิทัลดิสรัปชัน และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคสู่ดิจิทัลให้รวดเร็วขึ้นสามถึงห้าปี นำไปสู่การเติบโตอย่างรวดเร็วของบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และกลายเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมในครั้งนี้ 

สอดคล้องกับรายงาน ‘Payments 2025 & beyond’ ของ PwC และ Strategy& ที่คาดการณ์ว่า ปริมาณการชำระเงินแบบไร้เงินสดทั่วโลก (Global cashless transaction) จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 80% จากปี 2563 ถึงปี 2568 หรือจาก 1 ล้านล้านธุรกรรมเป็นเกือบ 1.9 ล้านล้านธุรกรรม และจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าภายในปี 2573 

“วันนี้ผู้บริโภคทั่วโลกหันมาใช้บริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลายจนเรียกได้ว่า หลาย ๆ ประเทศได้ก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสดแทบจะเต็มรูปแบบไปเสียแล้ว ซึ่งแนวโน้มนี้ ก็จะยิ่งมีบทบาทสำคัญต่อการแปลงไปสู่ดิจิทัลของอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของไทย ดังนั้น ถึงเวลาที่ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมจะต้องพิจารณาว่า โครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดขององค์กรนั้นได้ถูกปรับให้รองรับรูปแบบบริการชำระเงินที่จะถูกพลิกโฉม รวมถึงโมเดลธุรกิจใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาแล้วหรือยัง” เธอ กล่าว

ปริมาณการชำระเงินแบบไร้เงินสดในเอเชียแปซิฟิกพุ่ง

ทั้งนี้ รายงานฉบับดังกล่าวยังคาดว่า ปริมาณการทำธุรกรรมแบบไร้เงินสดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะเติบโตรวดเร็วที่สุดในโลก โดยเพิ่มขึ้นถึง 109% ระหว่างช่วงปี 2563 ถึงปี 2568 และเพิ่มขึ้นอีก 76% จากปี 2568 ถึงปี 2573 ตามมาด้วยแอฟริกา (78%, 64%) ยุโรป (64%, 39%) ละตินอเมริกา (52%, 48%) และอเมริกาเหนือ (43%, 35%) ตามลำดับ

รายงานระบุว่า การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ ได้รับแรงสนับสนุนจากการขับเคลื่อนรูปแบบทางธุรกิจและนวัตกรรมรูปแบบใหม่ของหลาย ๆ ประเทศ เช่น ในสาธารณรัฐประชาชนจีนที่ได้พัฒนาซูเปอร์แอปอย่าง Alipay และ WeChat Pay ให้เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เป็นต้น

คาดสภาวะการแข่งขันในภาคการเงินไทยเข้มข้น

นางสาว วิไลพร กล่าวว่า ผู้เล่นหลักในตลาดการชำระเงินแบบไร้เงินสดในช่วงสามถึงห้าปีนับจากนี้ จะถูกแบ่งเป็นกลุ่ม ๆ ประกอบไปด้วยกลุ่มธนาคาร กลุ่มแพลตฟอร์มการชำระเงินซึ่งให้บริการเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์สำหรับธุรกรรมระหว่างบุคคลกับบุคคล (P2P platform) (เช่น PayPal, PromptPay, Venmo และอื่น ๆ) กลุ่มผู้ให้บริการบัตรเครดิต กลุ่มผู้ให้บริการชำระเงินผ่านมือถือ (เช่น Apple Pay, Ali Pay และ Amazon Pay) และกลุ่มอื่น ๆ ในขณะเดียวกัน ก็จะเห็นการเติบโตของกลุ่มผู้ให้บริการที่เป็นนอนแบงก์ และกลุ่มผู้ให้บริการ P2P

สำหรับแนวโน้มการแข่งขันจากผู้เล่นรายใหม่ในตลาดบริการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ จะทวีความรุนแรงตามการขยายตัวของตลาด หลังผู้เล่นที่เป็นนอนแบงก์เข้ามานำเสนอนวัตกรรรมทางการเงินแบบไร้สาขาเพิ่มมากขึ้น และจะขึ้นอยู่กับตัวเลือกในการชำระเงิน ซึ่งประกอบไปด้วย การจ่ายเงินสด การจ่ายผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิต การจ่ายผ่านแพลตฟอร์ม P2P หรือการจ่ายผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital wallet) เป็นต้นนางสาว วิไลพร กล่าวเสริมว่า รูปแบบทางธุรกิจและขอบเขตการให้บริการในการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขาในอนาคตจะมีหลากหลายลักษณะ (เช่น เงินฝาก เงินกู้ ลงทุน และการชำระเงิน) ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการว่า ต้องการออกแบบบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างไร ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธนาคารและกลุ่มผู้ให้บริการที่เป็นนอนแบงก์ ควรนำแนวปฏิบัติห้าข้อที่สำคัญไปพิจารณาควบคู่กับการให้บริการ ดังต่อไปนี้ 

  1. ปรับปรุงเทคโนโลยีให้ทันสมัยและเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี
  2. ส่งเสริมศักยภาพของนวัตกรรม
  3. นำเสนอบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ให้กับลูกค้า
  4. ลดต้นทุนในการดำเนินงาน
  5. ใช้ข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ

“อย่างที่กล่าวไปว่า การมีธนาคารไร้สาขา จะยิ่งช่วยตอบสนองความต้องการบริการทางการเงินที่ครอบคลุมและทั่วถึงขึ้น นอกเหนือไปจากนวัตกรรมและความร่วมมืออื่น ๆ ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและแพลตฟอร์มทางการเงินอย่างกระเป๋าเงินและสกุลเงินดิจิทัล แต่สิ่งสำคัญที่ผู้ให้บริการจะมองข้ามไม่ได้ คือ การบริหารความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ปัญหาระบบล่ม และต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลเพื่ออุดช่วงโหว่อาชญากรรมทางไซเบอร์รูปแบบใหม่ ๆ ที่ย่อมจะเกิดมากขึ้นเป็นเงาตามตัวตามปริมาณธุรกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น” นางสาว วิไลพร กล่าว

[1] ข่าว ธปท. ​ฉบับที่ 1/2566 เรื่อง  ธปท. เปิดรับฟังความเห็นต่อแนวทางการอนุญาตให้จัดตั้งธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Post Bottom Ad