“คีนอน โรโบติกส์” ผงาดขึ้นแท่นผู้นำตลาด
กวาดส่วนแบ่งมาได้กว่า 60%
เซี่ยงไฮ้ /พีอาร์นิวส์ไวร์/ดาต้าเซ็ต
คีนอน โรโบติกส์ ( KEENON Robotics) ผู้นำระดับโลกด้านหุ่นยนต์บริ การและโซลูชันล้ำสมัย ผงาดขึ้นแท่นผู้นำตลาดหุ่นยนต์ บริการเชิงพาณิชย์ของจีนในอุ ตสาหกรรมอาหารอีกครั้งหนึ่ง โดยรายงานฉบับล่าสุดจากสถาบันวิ จัยตลาดชั้นนำอย่างอินเตอร์เนชั นแนล ดาต้า คอร์ปอเรชัน ( International Data Corporation หรือ IDC) เผยว่า คีนอน โรโบติกส์ กวาดส่วนแบ่งตลาดไปได้ถึง 60.4% ในปี 2565 ทุบสถิติใหม่ให้กับบริษัทฯ ทั้งยังเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 48.6% เมื่อปี 2564
รายงานหัวข้อ “ส่วนแบ่งตลาดหุ่นยนต์บริการเชิ งพาณิชย์ในอุตสาหกรรมอาหารของจี น ” ( Market Share of Commercial Service Robots in China's Catering Industry) เผยว่า ตลาดหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ ในจีนมีมูลค่าถึง 169 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 นอกจากนี้ CR2 (อัตราการกระจุกตัวของผู้เล่ นรายใหญ่ 2 รายในตลาด) ของตลาดหุ่นยนต์บริการอาหารนั้น ยังมีส่วนแบ่งตลาดที่น่าประทั บใจถึง 83.6% ซึ่งในจำนวนนี้ คีนอน โรโบติกส์ ครองไปแล้วกว่า 60%
การศึกษาครั้งนี้สะท้อนให้เห็ นลักษณะการแบ่งขั้วของตลาดหุ่ นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ของจีน ซึ่งผู้ผลิตรายใหญ่ ๆ ครองกลุ่มตลาดหลัก ๆ เช่น บริการอาหารและการทำความสะอาด ในขณะที่เกาเซียม ( Gausium) เป็นผู้นำในอุ ตสาหกรรมการทำความสะอาด คีนอน โรโบติกส์ ก็เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมบริ การอาหาร โดยครองส่วนแบ่งตลาดหุ่นยนต์บริ การเชิงพาณิชย์ในจีนไปมากกว่า 22%
การทำงานร่วมกันระหว่างหุ่นยนต์ กับมนุษย์เป็นที่ต้องการมากขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประชากรสูงอายุ การขาดแคลนแรงงาน และต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้ น ส่งผลให้หุ่นยนต์บริการเชิงพาณิ ชย์มีความสำคัญเพิ่มขึ้น หุ่นยนต์เหล่านี้ไม่ได้ถูกจำกั ดไว้เฉพาะในสถานการณ์ขนาดใหญ่ที่ มีความซับซ้อนน้อยอีกต่อไป แต่จะถูกนำมาใช้มากขึ้ นในสถานการณ์ขนาดเล็ กและขนาดกลางที่มีความซับซ้อนสู ง โดยรายงานคาดการณ์ประชากรโลก ( World Population Prospects) ขององค์การสหประชาชาติ เปิดเผยว่า จำนวนและสัดส่วนประชากรสูงอายุ จะเพิ่มขึ้นทั่วโลก ซึ่ง 1 ใน 6 ของประชากรโลกคาดว่าจะมีอายุเกิ น 65 ปีภายในปี 2593
ลิลี่ หลี่ ( Lily Li) ผู้จัดการฝ่ายวิจัยจี นแผนกเทคโนโลยีเกิดใหม่ จากอินเตอร์เนชันแนล ดาต้า คอร์ปอเรชัน ได้แบ่งปันข้อมูลเจาะลึกว่า “ในปี 2565 ซัพพลายเออร์หุ่นยนต์ส่วนใหญ่ ได้ปรับโครงสร้างองค์กรและทิ ศทางธุรกิจ เพื่อให้สอดรับกับความเคลื่ อนไหวในตลาด เมื่อโรคระบาดค่อย ๆ ลดหายไป ความต้องการจากลูกค้าจะฟื้นตัว จนทำให้หุ่นยนต์บริการเข้าถึ งได้มากขึ้น การนำหุ่นยนต์บริการมาใช้ในอุ ตสาหกรรมและสถานการณ์ใหม่ ๆ กำลังขยายตัว และตลาดหุ่นยนต์บริการเชิงพาณิ ชย์ของจีนก็น่าจะฟื้นตัวอย่างค่ อยเป็นค่อยไปในปี 2566”
แม้ตลาดจะมีการเปลี่ ยนแปลงการปรับโครงสร้างในช่วงปี 2565 แต่คีนอน โรโบติกส์ กลับเติบโตสวนกระแส แถมยังเดินหน้าต่อไปด้วย ซึ่งตั้งแต่ปี 2553 คีนอน โรโบติกส์ อยู่ในด่านหน้าของการปฏิวัติหุ่ นยนต์บริการ โดยพัฒนาหุ่นยนต์ขั้นสูงสำหรั บการจัดส่ง การต้อนรับ การค้าปลีก การศึกษา และอื่น ๆ หุ่นยนต์ของคีนอนมาพร้ อมระบบระบุตำแหน่งและนำทางที่พั ฒนาขึ้นเอง ทั้งยังมีเทคโนโลยีตรวจจั บและเลี่ยงสิ่งกีดขวางที่มี ความไวสูง และปรับให้เข้ากับสถานการณ์ การใช้งานที่ซับซ้อนในโลกแห่ งความเป็นจริงได้ เทคโนโลยีขั้นสูงนี้ช่วยให้มั่ นใจถึงประสิทธิภาพสูงสุดและเพิ่ มประสิทธิภาพการดำเนินงานสำหรั บธุรกิจ
นอกเหนือจากการนำเสนอโซลูชันหุ่ นยนต์ขั้นสูงที่มีให้เลื อกหลากหลายแล้ว คีนอน โรโบติกส์ ยังให้บริการซ่อมแซมและบำรุงรั กษาครบจบในที่เดียว โดยให้การสนับสนุนและความเชี่ ยวชาญเฉพาะด้านเพื่อให้ลูกค้ าดำเนินงานได้อย่างราบรื่น
คีนอน โรโบติกส์ ดำเนินงานทั่วโลก ทั้งในอเมริกาเหนือและใต้ ยุโรป เอเชียแปซิฟิก ตะวันออกกลาง และแอฟริกา โดยได้สร้างชื่อเสียงให้กับตั วเองในฐานะพันธมิตรที่ธุรกิจต่ าง ๆ ทั่วโลกวางใจได้ บริษัทฯ ได้เปิดสาขาย่อยอย่างมีกลยุทธ์ ในลอสแอนเจลิส ดุสเซลดอร์ฟ ดูไบ โตเกียว โซล และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เพื่อเสริมความแข็งแกร่ งในการเข้าถึงทั่วโลก คีนอน โรโบติกส์ ร่วมมืออย่างจริงจังกับบริษัทข้ ามชาติรายใหญ่ ๆ ในภูมิภาคเหล่านี้ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเชิ งกลยุทธ์และสนับสนุนการนำหุ่ นยนต์บริการเชิงพาณิชย์ไปใช้ทั่ วโลก
คีนอน โรโบติกส์ ครอบคลุมกว่า 60 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก และให้บริการกว่า 600 เมือง มีฐานลูกค้าครอบคลุมกว้ างขวางกว่า 20 ,000 ราย โดยบริษัทฯ ยังคงนำเสนอโซลูชันที่ก้าวล้ำ พร้อมผลักดันการนำหุ่นยนต์บริ การเชิงพาณิชย์ไปใช้ทั่วโลก
สื่อมวลชนติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่ มเติมได้ที่ global@keenon.com
รูปภาพ - https://mma.prnewswire.com/ media/2156252/ Market_Share_of_ Commercial_Service_Robots_in_ China_2022. jpg
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น