ความนิยมใช้โซเชียลปลุกกระแสท่องเที่ยวเซลฟี่สัตว์ป่าในไทย นักอนุรักษ์เตือน การถ่ายรูปกับสัตว์ป่าส่งผลร้ายต่อสัตว์มากกว่าที่คิด ผิดกฎหมายอนุรักษ์ ซ้ำยังอาจช่วยสนับสนุนเครือข่ายอาชญากรรมลักลอบค้าสัตว์ป่าทางอ้อม
ก่อนหน้าการระบาดของไวรัส COVID-19 ทั่วโลก ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาไม่เคยว่างเว้น ผู้มาเยือนเกาะสวรรค์แดนใต้แห่งนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีเป้าหมายหลักมาดื่มด่ำความสวยงามของชายหาด และท้องทะเลอันดามัน อย่างไรก็ดี ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสวนสัตว์และธุรกิจท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่สัตว์ป่าได้เติบโตมากขึ้น เปิดทางเลือกการท่องเที่ยวใหม่ ให้ผู้มาเยือนภูเก็ตถ่ายรูปเซลฟี่ และชื่นชมสัตว์ป่าอย่างใกล้ชิด
Neri Fayad นักท่องเที่ยวสาวชาวสวีเดนและครอบครัว เป็นหนึ่งในนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เลือกมาเที่ยวชมสวนสัตว์ในภูเก็ต เพราะอยากให้ลูกวัยเล็กได้เรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ หลังจากที่เธอรู้จักสวนสัตว์แห่งนี้จากโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก เมื่อเพื่อนถ่ายรูปโชว์จระเข้เผยแพร่ลง “สแนปแชท”
แม้ว่าภายหลังจากที่เธอและครอบครัวได้ชมการแสดงช้าง ที่บรรดาช้างได้โชว์ความสามารถพิเศษหลากหลายเทคนิค ไม่ว่าจะเดาะลูกบอลหรือทรงตัวด้วยขาข้างเดียว เธอยอมรับว่า รู้สึกสงสารและกังวลต่อสวัสดิภาพของสัตว์ในสวนสัตว์ แต่เธอก็กล่าวว่า เธอและครอบครัวรู้สึกเพลิดเพลินกับการได้มาชมการแสดงสัตว์ป่า และได้สัมผัสกับพวกมันอย่างใกล้ชิด
หลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ เราพบเธออีกครั้งระหว่างการแสดงลิง ท่ามกลางความประหลาดใจของเรานั้น หญิงสาวอาสาเป็นตัวแทนขึ้นเวทีไปให้เจ้าลิงโชว์ฝีไม้ลายมือ แก้มัดเชือกที่ผูกมัดสองข้อมือเธอ โดยผู้เป็นสามีคอยถ่ายคลิปลงสแนปแชทด้วยสมาร์ทโฟน
อย่างไรก็ดี Tanya Erzinclioglu ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ ForTigers ระบุว่า ประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวนี้ต้องแลกมากับความทุกข์ทรมาน และความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าที่ย่ำแย่ หลายกรณีเป็นการกระทำผิดกฎหมายอนุรักษ์และคุ้มครองสัตว์ป่าชัดเจน อีกทั้งยังอาจส่งเสริมธุรกิจลักลอบค้าชิ้นส่วนสัตว์ป่าผิดกฏหมาย
“คำพูดว่า ‘ชั่วขณะสำหรับคุณ ชั่วชีวิตสำหรับมัน’ อาจเป็นคำพูดที่เราได้ยินจนเกร่อ แต่มันตรงกับสถานการณ์นี้เลย หลายคนคิดว่าการถ่ายรูปกับสัตว์ป่าเป็นเรื่องโอเค เพราะถ่ายรูปแค่ช็อตเดียว แต่มันไม่ใช่แค่ช็อตเดียวสำหรับเสือ พวกมันเจอแบบนี้หลายร้อยครั้งในชีวิต” Tanya แสดงความเห็น
จากสาวชาวอังกฤษที่หลงใหลในสัตว์ป่าจนตัดสินข้ามน้ำข้ามทะเลมาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลเสือประจำวัดเสือ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเวลาหกปี เธอออกมาจัดตั้งมูลนิธิพัฒนาคุณภาพความเป็นอยู่ของเสือเลี้ยงในไทย หลังพบว่าเบื้องหลังภาพอนุรักษ์ที่นั้น คือ ธุรกิจค้าชิ้นส่วนเสือผิดกฎหมาย
“ตอนแรกฉันก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเหมือนคนส่วนใหญ่ แค่คิดว่ามันเจ๋งดีที่ได้ถ่ายรูปกับสัตว์กินเนื้อน่าเกรงขาม แต่ว่าหลังจากทำงานที่นั้นได้ไม่นาน ฉันก็ตระหนักว่ากิจกรรมการท่องเที่ยวลักษณะนี้ ส่งผลกระทบให้สวัสดิภาพและความเป็นอยู่ของสัตว์มีปัญหา” เธอกล่าว
รายงานเรื่อง A Close up to Cruelty จัดทำโดย World Animal Protection เผยว่าประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ส่งเสริมการถ่ายเซลฟี่สัตว์ป่าสูงมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากออสเตรเลียและสหรัฐฯ และ ระหว่างปี พ.ศ. 2557 – 2561 ความนิยมถ่ายรูปสัตว์ป่าลงอินสตราแกรมได้เพิ่มขึ้นถึง 292%
แม้ว่าการท่องเที่ยวเชิงสัตว์ป่าจะไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมไทย คนไทยจำนวนมากคุ้นเคยกับธุรกิจสวนสัตว์ในลักษณะนี้ เช่น สวนเสือศรีราชา มักจะมีตากล้องคอยให้บริการถ่ายรูปลูกค้าคู่กับเสือ พร้อมปริ้นรูปใส่กรอบเป็นที่ระลึก ทว่าไม่นานมานี้ ความนิยมใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเบ่งบาน จุดประกายกระแสการท่องเที่ยวแบบใหม่ที่เน้นการถ่ายรูปกับสัตว์ป่า ทำให้ธุรกิจสวนสัตว์เอกชนขยายตัวและเกิดธุรกิจสวนเสือรูปแบบใหม่ที่นักท่องเที่ยวซื้อตั๋ว ถือบัตรคิวไปรอถ่ายรูปคู่เจ้าแมวใหญ่ตามความชอบด้วยมือถือตนเอง ไม่ว่าจะเป็นลูกเสือตัวเล็ก เสือวัยรุ่น หรือเสือตัวเต็มวัย เมื่อได้ช็อตที่พอใจ หลายคนเลือกแชร์รูปลงโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างอินสตราแกรมแล้วติด #ชื่อสัตว์ป่า เช่น #Tigerselfie หรือ #ชื่อสถานที่ท่องเที่ยว เช่น #TigerKingdom
ธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ตเติบโตอย่างต่อเนื่องเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดใหม่จากประเทศอินเดีย รัสเซีย และจีน ซึ่งนิยมเดินทางมาเป็นคณะทัวร์ แวะสถานที่ท่องเที่ยวเชิงสัตว์ป่าอย่างสวนเสือ อันเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่หาไม่ได้ในประเทศต้นทาง
ภูเก็ตจึงถือเป็นทำเลทองสำหรับธุรกิจสวนสัตว์ที่เน้นการถ่ายรูป โดยล่าสุด เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา สวนเสือรุ่นใหม่ Tiger Park ได้ขยายสาขาจากพัทยาสู่ภูเก็ต นับเป็นสถานประกอบการที่เปิดให้นักท่องเที่ยวสัมผัสใกล้ชิดและถ่ายรูปคู่เสือแห่งที่สี่ของเกาะ
Tanya กล่าวว่า ตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา เธอและทีมงานได้ออกสำรวจสวนเสือ 32 แห่งทั่วไทย และประเมินคุณภาพของสถานเลี้ยงเสือเหล่านั้น โดยจากรายงานการประเมินพบว่า ภาพรวมแล้วเสือในสวนสัตว์ไทยมีสภาพความเป็นอยู่ต่ำกว่าประเทศอื่น เนื่องจากที่อยู่อาศัยมักเป็นพื้นคอนกรีตและไม่มีพื้นที่กลางแจ้งหรือพื้นที่ธรรมชาติ แม้ว่าสวนเสือบางเจ้าอย่างเช่น Tiger Kingdom และ Tiger Park จะจัดพื้นที่ธรรมชาติให้เสือมากกว่าที่อื่น
นอกจากนี้ เธอยังพบว่า เสือในสวนเสือหลายแห่งยังถูกเร่งผสมพันธุ์เพื่อผลิตลูกเสือที่น่ารักน่าชังให้เพียงพอสำหรับเรียกแขก แม่เสือจึงถูกเร่งให้ออกลูกถี่ เพื่อจะได้มีลูกเสือให้นักท่องเที่ยวอุ้มและถ่ายรูป โดยลูกเสือจะถูกแยกจากแม่ตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อให้เสือแม่พันธุ์เข้าสู่ช่วงผสมพันธุ์อีกครั้ง สร้างความเครียดให้กับทั้งแม่และลูกเสือ
จากการสำรวจสวนเสือโดย กลุ่ม ForTigers พบว่า ในจังหวัดภูเก็ต สวนสัตว์ภูเก็ต เป็นสวนสัตว์ที่ได้รับคะแนนประเมินต่ำสุด โดยจากการสำรวจและประเมินตามเกณฑ์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม พ.ศ.2562 พบว่าสวนสัตว์แห่งนี้มีประชากรเสือราวสิบตัว สภาพความเป็นอยู่เข้าข่ายเกณฑ์แย่ ได้คะแนนเพียง 4.2 คะแนน จาก 10 คะแนน
นอกจากนี้ ในปีเดียวกันนั้น มีผู้เผยแพร่คลิปเสือที่สวนสัตว์ภูเก็ต ถูกล่ามบนแท่นคอนกรีต เพื่อรอนักท่องเที่ยวเข้ามาถ่ายรูปคู่ โดยร้องเรียนว่าเป็นการทรมานสัตว์ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ และสั่งระงับไม่ให้สวนสัตว์เสนอกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกับเสืออีก เพื่อรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของจังหวัด
อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่สวนสัตว์ภูเก็ตโดยผู้สื่อข่าวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำนักข่าวสิ่งแวดล้อมยังพบการเสนอถ่ายรูปคู่เสือที่สวนสัตว์ดังกล่าว ผู้ดูแลซึ่งทำหน้าที่ดูแลเสือที่นี่เป็นเวลาสิบปี เปิดเผยข้อมูลต่อผู้สื่อข่าวว่าเสือจะถูกพาออกจากที่อยู่อาศัยด้านหลังมาให้นักท่องเที่ยวชมและถ่ายรูปด้วยเป็นเวลา 7 ชั่วโมงต่อวัน
ภายหลัง ผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับทางผู้บริหาร สุริยะ ตันทวีวงศ์ กรรมการบริหารสวนสัตว์ภูเก็ต เขาอธิบายว่า ทางสวนสัตว์ได้ยกเลิกกิจกรรมถ่ายรูปหมดแล้วหลังจากมีผู้ร้องเรียน
ไม่เพียงแต่เรื่องความเป็นอยู่ Nancy Gibson นักอนุรักษ์สาวชาวไทย-อเมริกัน ผู้ก่อตั้งมูลนิธิรักษ์สัตว์ป่า (Love Wildlife Foundation) ชี้ว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีอายุขัยนานหลายปี ดังนั้น หากมีจำนวนเสือในสถานเลี้ยงมากเกินไป อาจเป็นการส่งเสริมให้มีการนำชิ้นส่วนเสือไปขายในตลาดมืด
“กฎหมายปัจจุบัน รัฐเพียงแต่ตรวจสอบจำนวนเสือตามที่ผู้ประกอบการรายงาน เป็นช่องโหว่เอื้อต่อธุรกิจค้าชิ้นส่วนสัตว์ป่า ยิ่งไปกว่านั้นการมีอยู่ของ ‘สินค้า’ เหล่านี้ยิ่งส่งเสริมการล่าเสือในป่า เพราะพรานบางคนอาจฉวยโอกาสล่าเสือในแหล่งที่อยู่ธรรมชาติมาแฝงขาย เพราะต้นทุนการล่านั้นถูกกว่าการเพาะเลี้ยง” Nancy กล่าว
เธอเปิดเผยว่า ความนิยมถ่ายรูปคู่สัตว์ป่าไม่ได้มีเฉพาะในสวนสัตว์ หากยังเกิดบนท้องถนนและชายหาดในภูเก็ตเช่นกัน โดยพบว่าผู้ประกอบการรายเล็กมีการนำเอานางอาย สัตว์ตระกูลไพรเมตขนาดเล็กในสกุล Nycticebus ออกเดินเท้าตามย่านแหล่งท่องเที่ยว เพื่อเสนอให้นักท่องเที่ยวจ่ายเงินถ่ายรูปด้วย
“นางอายเป็นสัตว์กลางคืน ดังนั้นเลยไม่ถูกกับแสงเวลานำมาถ่ายรูป นอกจากนั้นจะถูกตัดเขี้ยวเพื่อให้ไม่กัดคนและป้องกันพิษในเขี้ยวที่ร้ายแรงถึงชีวิต นางอายที่ไม่มีเขี้ยวแล้วจะกลับไปอยู่ตามธรรมชาติไม่ได้ เพราะไม่มีฟันสำหรับขุดเปลือกไม้หาอาหาร” เธอกล่าว
องค์กรเธอยังได้รับแจ้งว่ามีผู้นำสัตว์ต่างประเทศอย่างลิงปิ๊กมี่ ลิงขนาดเล็กที่สุดในโลกจากทวีปอเมริกาใต้ มาเสนอถ่ายรูปที่ตลาดนัดคลองดำเนินสะดวก ที่กรุงเทพฯ ถึงแม้จะไม่ผิดกฎหมายไทย แต่ลิงปิ๊กมี่เองก็เป็นสัตว์กลางคืนที่ไม่ควรโดนแสง อีกทั้งลิงตัวดังกล่าวยังมีน้ำหนักมากแสดงถึงการกินอาหารผิดธรรมชาติ
สุทิน แก้วประชุม พนักงานพิทักษ์ป่า เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาพระแทว จังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่าปีที่ผ่านมา สายตรวจปราบปรามพิเศษด้านสัตว์ป่าประจำจังหวัด ได้จับกุมคดีผู้ลักลอบนำนางอายมาเสนอถ่ายรูปกับนักท่องเที่ยวได้ 10 คดี และคาดว่าอาจมีมากกว่านั้นที่ไม่สามารถจับกุมได้ ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า นางอาย หรือลิงลม สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวเล็กตาโตนั้นเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ห้ามผู้ใดล่าและครอบครอง สุทินตั้งข้อสังเกตว่าเพิ่งพบเห็นธุรกิจนี้เช่นนี้ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
สุทินเป็นหนึ่งในทีมนอกเครื่องแบบลงพื้นที่เพื่อซุ่มจับกุม เขาอธิบายว่า พ่อค้าจะซื้อนางอายที่ล่าจากป่า มาเสนอให้ถ่ายรูปครั้งละ 200 บาท บางครั้งหากนักท่องเที่ยวแสดงความสนใจเป็นพิเศษ จะเสนอขายสัตว์ด้วย แม้ว่านางอายจะเป็นสัตว์ท้องถิ่นพบในป่าภาคใต้และภาคเหนือของไทย ชอบปีนตามสายไฟออกมาจากป่าจนพลัดหลงเข้าไปในชุมชน ทว่าสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นางอายคือสัตว์แปลกใหม่น่ารัก เหมาะแก่การเป็นเพื่อนเซลฟี่
“พวกนี้ทำงานกันเป็นขบวนการ ออกเดินตามหาดและบริเวณร้านอาหารช่วงเย็น คนหนึ่งคอยดูต้นทางระวังเจ้าหน้าที่ อีกคนหนึ่งสวมเสื้อแจ๊คเก็ตหรือสะพายกระเป๋าก้นลึก เดินถามนักท่องเที่ยวว่าอยากถ่ายรูปกับนางอายไหม แล้วค่อยควักออกมาจากเสื้อหรือกระเป๋า เวลายื่นให้จะยื่นให้เร็ว มันจะได้มึนแล้วต้องหาอะไรเกาะ เลยต้องเกาะนักท่องเที่ยว” เขาเปิดเผย
“Rihanna เคยลงรูปคู่นางอายบนอินสตราแกรม แล้วมีคนไลค์เยอะมาก มีคอมเม้นท์แนว ‘น่ารักจังเลย ฉันจะหามาเลี้ยงจากไหนได้บ้าง’ ยิ่งคนดังทำ ยิ่งกลายเป็นตัวอย่างให้คนอยากทำตาม”
ความนิยมลงรูปคู่สัตว์ป่าบนโซเชียลเน็ตเวิร์กของนักท่องเที่ยวยิ่งส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวสัตว์ป่าให้เติบโต องค์กรหลายแห่งได้ออกแคมเปญสอดแทรกประเด็นสวัสดิภาพสัตว์ป่าสู่บทสนทนาบนโลกออนไลน์ เช่น อิสตราแกรมออกฟังค์ชั่นแสดงป้ายเตือนเกี่ยวกับผลเสียของการถ่ายเซลฟี่สัตว์ป่าให้เด้งเตือนผู้ใช้งานเมื่อค้นหา # เกี่ยวกับสัตว์ป่า หนึ่งในนั้น คือ แฮชแทคของเชนธุรกิจสวนเสือยักษ์ใหญ่ในไทย #TigerKingdom ซึ่งมีคนโพสมากกว่า 100,000 ครั้ง สำนักข่าวสิ่งแวดล้อมได้ติดต่อไปยังสวนเสือ Tiger Kingdom เพื่อขอสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ทว่าไม่ได้รับการติดต่อกลับ
มูลนิธิรักษ์สัตว์ป่าเองได้ริเริ่มแคมเปญรณรงค์ออนไลน์ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูปคู่กับแผ่นพับรูปนางอาย แทนการถ่ายรูปกับสัตว์ตัวจริง แล้วโพสต์รูปถ่ายของตนลงโซเชี่ยลเน็ตเวิร์กพร้อมติดแฮชแท็ก #SlowLoris #SaveSlowLoris เพื่อให้ผู้ที่เสิร์ชแฮชแท็กเกี่ยวกับสัตว์ชนิดนี้ ได้รับรู้ว่านางอายไม่ใช่สัตว์ที่ควรนำมาถ่ายรูปหรือนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง
“เรากำลังมองสองสิ่งที่แตกต่างกัน ความถูกต้องทางกฎหมายกับเรื่องศีลธรรม เราควรจะหยุดคิดสักนิดก่อนเข้าไปมีส่วนส่งเสริมการท่องเที่ยวสัตว์ป่า ลองถามตัวเองดูว่า สัตว์พวกนี้มาจากไหน พวกมันได้รับการดูแลดีไหม เพราะว่าการที่มันอยู่ที่นั้น ไม่ได้หมายความว่าควรจะมีอยู่” Nancy กล่าว
“ประเทศไทยอาจส่งเสริมการท่องเที่ยวสัตว์ป่าแบบทางเลือก ไปส่องสัตว์ในที่อยู่ตามธรรมชาติของมันตอนกลางคืน คุณจะได้ดูพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์ ที่ไทยเราก็ส่องสัตว์ได้นะ เช่น ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และแก่งกระจาน ให้ความรู้สึกเหมือนไปผจญภัย”
รายงานพิเศษชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Round Earth Media สนับสนุนโดย International Women’s Media Foundation
ที่มา:GreenNews
นี่คือประกาศสาธารณะทั่วไปจาก Mayo Clinic และเราสนใจที่จะซื้อไตถ้าคุณสนใจที่จะขายไตโปรดติดต่อเราโดยตรงทางอีเมลของเราด้านล่างที่
ตอบลบmayocareclinic@gmail.com
หมายเหตุ: นี่เป็นธุรกรรมที่ปลอดภัยและรับประกันความปลอดภัยของคุณ
กรุณาส่งข้อความอีเมลถึงเราสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
คุณกำลังมองหา บริษัท สินเชื่อทางการเงินที่แท้จริงในการจัดหาเงินกู้ 10,000 ยูโรถึง 10,000,000 ยูโร (สำหรับสินเชื่อเพื่อการพาณิชย์หรือธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลสินเชื่อส่วนบุคคลสินเชื่อส่วนบุคคลสินเชื่อจำนองสินเชื่อรถยนต์สินเชื่อรวมหนี้เงินกู้เพื่อสุขภาพและอื่น ๆ ))
ตอบลบหรือเขาถูกปฏิเสธเงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงินด้วยเหตุผลใดก็ตาม?
สมัครตอนนี้และรับเงินกู้ทางการเงินที่แท้จริง ดำเนินการและอนุมัติใน 3 วัน
บริษัท เงินกู้ทางการเงินแปซิฟิกเราเป็นผู้ให้กู้สินเชื่อระหว่างประเทศซึ่งให้บริการทางการเงินที่แท้จริงแก่บุคคลและ บริษัท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 2% ด้วยบัตรประจำตัวประชาชนที่ถูกต้องหรือหนังสือเดินทางระหว่างประเทศของประเทศของคุณเพื่อการตรวจสอบ ได้รับเงินกู้และระยะเวลาการชำระคืน 3 ถึง 35 ปี
สำหรับการตอบสนองทันทีและประมวลผลใบสมัครของคุณสำหรับชายแดนภายใน 2 วันทำการ
ติดต่อเราโดยตรงผ่านทางอีเมลนี้: pacificfinancialloanfirm@gmail.com
ติดต่อเราด้วยข้อมูลต่อไปนี้:
ชื่อเต็ม: ____________________________
จำนวนเงินที่ต้องใช้เป็นเงินกู้: ________________
ระยะเครดิต: _________________________
วัตถุประสงค์ของการกู้ยืม: ______________________
วันเกิด: ___________________________
เพศ: _______________________________
สถานะการแต่งงาน: __________________________
ที่อยู่ติดต่อ: _______________________
เมือง / รหัสไปรษณีย์: __________________________
ประเทศ: _______________________________
อาชีพ: ____________________________
โทรศัพท์มือถือ: __________________________
ส่งคำขอของคุณสำหรับการตอบสนองทันทีไปที่: pacificfinancialloanfirm@gmail.com
ขอบคุณ
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนางวิคตอเรียจอห์นสัน